สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมาปะทุอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดขึ้นในท่ามกลางบรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งส.ส.ทั่วประเทศ เหมือนต้องการส่งสัญญาณอะไรบางอย่างหรือไม่
เริ่มจากเหตุการณ์บุกถล่มฐานปฏิบัติการ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ และรถยนต์ทรัพย์สินประชาชนอีกส่วนหนึ่งเสียหาย
วันถัดมาเกิดเหตุหลายจุดกลางดึกในพื้นที่ จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส และ จ.ยะลา ตั้งแต่บุกปาระเบิดและยิงใส่ฐานเจ้าหน้าที่ ยิงสถานีรถไฟ และวางระเบิดเส้นทางรถไฟ
การก่อเหตุเหล่านี้ตอกย้ำถึงการพูดคุยเพื่อสันติสุขยังไม่มีความคืบหน้า หรือยังมีปัญหาและอุปสรรคติดขัดตรงไหนหรือไม่
ห้วงเวลาเดียวกันมีเวทีเสวนาพูดคุยที่ จ.ปัตตานี เกี่ยวกับนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ที่จะสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
มีตัวแทนพรรคการเมืองทั้งจากซีกพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้าน เข้าร่วมพูดคุยนำเสนอนโยบาย และแลกเปลี่ยนมุมมองวิสัยทัศน์ต่างๆ ต่อการแก้ปัญหาไฟใต้
ที่น่าสนใจคือ ตัวแทนพรรคการเมืองเหล่านั้นต่างเห็นด้วย และสนับสนุนแนวทางการเมืองนำการทหาร เน้นการเจรจาเป็นธงนำเพื่อยุติความขัดแย้ง และรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกต่างก็เคยเกิดความขัดแย้งลักษณะนี้ แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยการเจรจาหาทางออกร่วมกัน
ข้อเสนอจากเวทีดังกล่าวสะท้อนถึงแนวคิดของพรรคการเมืองส่วนใหญ่ ที่ยังคงเชื่อมั่นและสนับสนุนการเจรจาเป็นหลัก ลดบทบาทการทหารนำการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ยิ่งเมื่อย้อนกลับไปก่อนรัฐประหาร 2557 รัฐบาลขณะนั้นเดินหน้าเจรจาสันติภาพกับฝ่ายขบวนการในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ จนมีความคืบหน้าลุล่วงมากที่สุด แต่ต้องมาสะดุดหลังรัฐประหาร
ดังนั้น นโยบายแก้ปัญหาไฟใต้ของแต่ละพรรคการเมือง จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยเฉพาะสนามเลือกตั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นิมิตหมายที่ดีคือ ขณะนี้หลายพรรคส่วนใหญ่ต่างเห็นตรงกันแล้วว่า การเจรจาจะนำไปสู่หนทางดับไฟใต้ได้อย่างแท้จริง