ล่วงมาเกือบ 20 วัน การค้นหากำลังพลทหารเรือผู้สูญหายจากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัย อับปางกลางทะเลอ่าวไทย เขตน่านน้ำ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

จากกำลังพลในเรือทั้งหมด 105 นาย รอดชีวิต 76 นาย เสียชีวิตกว่า 20 นาย เหลืออีกไม่ถึง 5 นายยังไม่พบร่าง กองทัพเรือยืนยันไม่หยุดการค้นหา

โดยขยายพื้นที่ให้มากขึ้น เน้นตามชายฝั่ง และเกาะต่างๆ ล่าสุดค้นหาในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรครบแล้วทั้ง 33 เกาะ ต่อไปจะค้นหาต่อที่หมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฎร์ธานี

ท่ามกลางการติดตามจากสังคม เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ใหญ่ รวมทั้งความหวังของครอบครัวผู้สูญหาย

นอกเหนือจากการค้นหากำลังพลที่ยังสูญหาย อีกอย่างหนึ่งที่กองทัพเรือทำควบคู่กันไป คือการสอบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง

พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนแล้ว ประกอบด้วยคณะกรรมการ 2 ชุด คือคณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เรืออับปาง รวมถึงเรื่องความพร้อมและการปฏิบัติงานของเรือ

ส่วนคณะทำงานอีกชุดหนึ่ง ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการสละเรือใหญ่ การค้นหา และช่วยเหลือกำลังพลหลังประสบเหตุอับปาง ว่าเป็นไปตามหลักการและแนวทางปฏิบัติที่กำหนดไว้หรือไม่

กองทัพเรือระบุว่าขณะนี้คณะกรรมการทั้ง 2 ชุด กำลังเร่งสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว

ทั้งการค้นหากำลังพลที่ยังสูญหาย และการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อหาสาเหตุเรืออับปาง อยู่ในความสนใจของสังคม โดยเฉพาะการสอบข้อเท็จจริงจะนำไปสู่ความกระจ่างชัดได้มากน้อยแค่ไหน

เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ใหญ่ สูญเสียเรือรบขนาดใหญ่ และระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ประจำเรือ ซึ่งต้องใช้งบประมาณจัดซื้อ และซ่อมบำรุงดูแลรักษาในราคาที่มากกว่าเรือปกติ

รวมไปถึงกำลังพลที่สูญเสียไปอีกหลายนายซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลอันมีค่าของกองทัพและประเทศชาติ กว่าจะมีความรอบรู้เชี่ยวชาญ ต้องผ่านการเรียนรู้ฝึกฝนหลายปี ทั้งหลายเหล่านี้ต้องใช้งบประมาณแผ่นดิน ล้วนเป็นภาษีประชาชนทั้งสิ้น

ดังนั้นสังคมจึงคาดหวังว่าการสอบข้อเท็จจริงจะพิสูจน์ได้หรือไม่ว่าเป็นความบกพร่องผิดพลาด และต้องมีใครรับผิดชอบ รับผิดด้วยหรือไม่