คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

รับมือโอมิครอน

ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนภายในประเทศในที่สุด แม้เป็นการติดเชื้อจากผู้เดินทางเข้าประเทศ ยังไม่พบการระบาดกลุ่มก้อน

แต่ผู้เชี่ยวชาญบางท่านเชื่อว่า โอมิครอนจะเข้ามาระบาดภายในประเทศต่อไป หากดูลักษณะการระบาดจากเชื้อกลายพันธุ์อื่น รวมถึงเดลตา เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก

โดยเฉพาะเมื่อการเดินทางเข้าประเทศไทย ใช้ Test & Go ไม่มีการกักตัว ยกเว้นคนที่ตรวจพบด้วยวิธี RT-PCR จึงมีโอกาสสูงที่จะมีผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการอาจหลงออกมาจากระบบได้

แต่หากรัฐปรับเปลี่ยนมาตรการตรวจคนเข้าประเทศ มาเป็นการกักตัวแบบ Alternative Quarantine (AQ) หรือแซนด์บ็อกซ์ที่มีช่วงเวลาต้องกักตัว 7-10 วันก่อน

จะกระทบต่อแผนการเปิดประเทศ ซึ่งจะมีผลถึงปี 2565 อย่างแน่นอน

กรณีการปรับเปลี่ยนวิธีการตรวจหาเชื้อนี้ ภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวจึงเริ่มแสดงความเห็นและข้อเรียกร้องให้รัฐบาลคำนึงถึงผลที่จะตามมาอย่างรอบด้าน

หลายคนเห็นว่าระบบของไทยค่อนข้างรัดกุมตั้งแต่ก่อนเข้าก็ผ่านการตรวจเชื้อ 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง จนถึงเข้าประเทศและตรวจ RT-PCR ซ้ำอีกครั้งจึงจะให้ออกจากห้องพักได้

หากถอยกลับไปกักตัวแบบ AQ จะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในปี 2565 อย่างแน่นอน และคาดว่าจะมีส่วนทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงไป

นอกจากนี้การรับมือกับโอมิครอนยังส่งผลทางจิตวิทยาของตลาดการท่องเที่ยวในประเทศด้วย

ช่วงเดือนสุดท้ายของปี รวมไปถึงช่วงหยุดเคานต์ดาวน์เป็นช่วงที่การท่องเที่ยวในประเทศมีแนวโน้มฟื้นอยู่มาก

แต่หากประชาชนเห็นถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการรับมือที่เปลี่ยนไปมา จะทำให้เกิดความกังวล หวาดผวาการเสี่ยงติดเชื้อ และอาจส่งผลให้ยกเลิกกิจกรรม

ฉะนั้นการสื่อสารของรัฐบาลในเรื่องนี้สำคัญมาก ที่จะทำให้เห็นว่ารัฐมีมาตรการรับมือเพียงพอและพร้อมอย่างไร ทั้งกรณีที่โอมิครอนระบาดและไม่ระบาดภายในประเทศ

เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่า ประเทศจะไม่กลับไปเผชิญระบบสาธารณสุขที่แบกรับไม่ไหวจนเกิดโศกนาฏกรรมที่สาหัสอีก

เศรษฐกิจจะตั้งต้นฟื้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจที่ถูกต้อง