รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ประกาศจะกลับมาเปิดให้บริการหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต แก่พลเมืองที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศอีกครั้ง ในวันที่ 8 ม.ค.นี้
เป็นสัญญาณว่าจีนจะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง หลังล็อกดาวน์มาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดเมื่อปี 2563 ควบคุมอย่างเข้มงวดภายใต้มาตรการโควิดเป็นศูนย์ จนในที่สุดก็ยอมผ่อนปรน
จากประกาศดังกล่าว มีรายงานว่าชาวจีนจำนวนมากแห่จองตั๋วเครื่องบินและโปรแกรมทัวร์ เพื่อ เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ คาดจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก เงินหมุนเวียนสะพัด
โดยเฉพาะประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวจีน
คณะกรรมการวิชาการตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อของไทย ประชุมหารือถึงการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางมาไทย คาดปี 2566 จะเข้ามาประมาณ 5 ล้านคน
โดยมาตรการเบื้องต้น อาทิ ตรวจเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ประกันสุขภาพระยะสั้นที่ครอบคลุมการรักษาโควิด ก่อนเดินทางเข้าไทย หรือตรวจหาเชื้อก่อนขึ้นเครื่องบิน 48 ชั่วโมง
รวมทั้งสื่อสารไปยังผู้ประกอบกิจการ ผู้ให้บริการนักท่องเที่ยวจีนต้องรับวัคซีนครบ 4 เข็ม โดยกระทรวงสาธารณสุขจะจัดเตรียมวัคซีนให้แก่ภาคแรงงาน ธุรกิจท่องเที่ยว และภาคคมนาคม เพื่อกระตุ้นภูมิ ลดการป่วยหนักและเสียชีวิต
วันที่ 5 ม.ค. จะเสนอต่อผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เพื่อกำหนดเป็นมาตรการ ของประเทศร่วมกัน
นับเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยว และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาไทยอีกครั้ง เหมือนก่อนช่วงโควิดระบาด เนื่องจากกลุ่มทัวร์จีนสร้างรายได้มหาศาลต่อเศรษฐกิจไทย
อย่างไรก็ตาม การเปิดรับนักท่องเที่ยวจีนต้องทำอย่างระมัดระวังรัดกุม เนื่องจากในอีกด้านหนึ่ง องค์การอนามัยโลกยังเรียกร้องให้รัฐบาลจีนเปิดเผย หรือแบ่งปันข้อมูลจริงเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด ในประเทศ รวมถึงการฉีดวัคซีนในกลุ่มเปราะบางและผู้สูงวัยอายุเกิน 60
เช่นเดียวกับอีกหลายชาติยุโรป สหรัฐอเมริกา และประเทศร่วมภูมิภาคเอเชียยังไม่ไว้วางใจ ต่างประกาศยกระดับการตรวจหาเชื้อโควิดในกลุ่ม นักท่องเที่ยวจีน
ดังนั้น กรณีไทยควรคำนึงถึงข้อมูล ด้านนี้ด้วย เพื่อกำหนดมาตรการรองรับ นักท่องเที่ยวจีนอย่างรัดกุม ครอบคลุม และปลอดเชื้อให้มากที่สุด