พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีลงพื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เพื่อตรวจราชการและพบปะประชาชนผู้สนับสนุน เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา
ในท่ามกลางกลุ่มประชาชนผู้สนับสนุน ปรากฏว่ามีประชาชนอีกส่วนหนึ่งมาดักรอนายกฯ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ไม่พอใจการบริหารประเทศ และการแก้ปัญหาต่างๆ
โดยรายแรกสุภาพสตรีพยายามตะโกน แต่ถูกเจ้าหน้าที่กระชากพาตัวออกไป พร้อมกับเอามือปิดปาก ประชาชนอีกรายแสดงสัญลักษณ์ 3 นิ้ว แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่สกัดกั้น นำตัวออกนอกพื้นที่ สถานการณ์ชุลมุนอยู่พักหนึ่ง
การลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ แล้วถูกประชาชนอีกฝ่ายแสดงอาการต่อต้านไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น
นับตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์ นำกองทัพรัฐประหารรัฐบาลเลือกตั้งเมื่อปี 2557 โดยอ้างถึงความจำเป็นต้องเข้ามารักษาความสงบเรียบร้อย ยุติความขัดแย้ง แต่ผ่านมา 9 ปี พล.อ.ประยุทธ์กลายเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง และยังก่อปัญหาอีกมากมาย
หลังรัฐประหารประชาชนจำนวนมากถูกดำเนินคดี หลายรายต้องลี้ภัยต่างประเทศเพราะผลพวงรัฐประหาร บางรายเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ หรือไม่ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ
รวมถึงความพยายามล้มคดีสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 นโยบายทวงคืนผืนป่าที่ชาวบ้านหลายหมื่นคนเดือดร้อน การจับกุมคุมขังเยาวชนมากเป็นประวัติการณ์ การเขียนรัฐธรรมนูญที่ไม่ให้ความสำคัญกับเสียงของประชาชน หรือการบริหารเศรษฐกิจผิดพลาด นำมาสู่ความฝืดเคืองแร้นแค้น เหล่านี้เป็นต้น
สิ่งต่างๆ ดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ และเครือข่ายได้ตระหนักหรือไม่
ต่อกรณีถูกประชาชนแสดงอาการต่อต้านระหว่างลงพื้นที่ จ.ราชบุรี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบโต้ถึงการแสดงสัญลักษณ์ 3 นิ้ว ในทำนองมือมี 3 นิ้ว แล้วอีก 2 นิ้วหายไปไหน และให้ไปหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพเป็นอะไร
ซึ่งในอันที่จริงแล้วควรต้องกำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติต่อประชาชนอีกฝ่ายอย่างคำนึงถึงหลักสิทธิเสรีภาพ เคารพต่อการแสดงออกอันแตกต่างหลากหลาย
นอกจากไม่ตระหนักถึงเรื่องเหล่านี้แล้ว ยังตอบโต้เหน็บแนมประชาชน โดยระบุถึงความบกพร่องทางร่างกาย และปัญหาสุขภาพที่ต้องรีบไปพบแพทย์
สังคมจึงมีคำถามต่อการแสดงออกดังกล่าวของนายกฯ จะยิ่งเป็นการยั่วยุและท้าทายประชาชนหรือไม่