นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุด มีคำสั่งชี้ขาดให้สั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมกับลูกน้องรวม 4 คน คดีอุ้มฆ่านายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำชาวบ้านบางกลอย
โดยให้ฟ้องข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม ไม่ว่าจะเป็นฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย
ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขัง หรือปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย และร่วมกันอำพรางคดี กระทำการใดๆ แก่ศพ
การชี้ขาดของอัยการสูงสุดเห็นพ้องตามที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษตั้งข้อกล่าวหา
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อเดือนเม.ย.2557 นายบิลลี่ถูกนายชัยวัฒน์ หัวหน้าอุทยานฯ แก่งกระจาน ในขณะนั้นและลูกน้องควบคุมตัว ฐานครอบครองน้ำผึ้งป่า จากนั้นนายบิลลี่ก็หายตัวไป
ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ามาทำคดี พบหลักฐานถังน้ำมัน 200 ลิตร กระดูก และดีเอ็นเอ จนนำมาสู่การตั้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีฐานฆาตกรรม
แต่เมื่อถึงชั้นอัยการพิจารณาสำนวนแล้วเห็นว่า มีพยานหลักฐานพอฟ้องแค่ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนข้อหาฆ่านั้นไม่ถูกฟ้อง โดยระบุว่าไม่มีประจักษ์พยาน และพยานแวดล้อมใดเชื่อมโยง
อธิบดีดีเอสไอมีความเห็นแย้ง จึงส่งสำนวนกลับมาให้อัยการสูงสุด จนกระทั่งชี้ขาดให้สั่งฟ้องข้อหาฆ่าด้วย
ขั้นตอนหลังจากนี้ เมื่ออัยการสำนักงานคดีพิเศษร่างคำฟ้องเสร็จ ก็จะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
เป็นอันว่าการที่นายบิลลี่หายตัวไป เป็นข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับการบังคับให้สูญหาย และนำไปสู่การฆาตกรรม ต้องไปพิสูจน์ความถูกผิด และแก้ข้อกล่าวหาในชั้นศาล
แม้ว่าจะเป็นเพียงข้อกล่าวหา ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องพิสูจน์กันต่อไปในชั้นศาล แต่ระหว่างนี้มีประเด็นห่วงใยที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม สืบเนื่องจากศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาการบังคับคดีชั่วคราว ส่งผลให้ผู้ต้องหากลับเข้ารับราชการได้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
ดังนั้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะต้องตระหนักถึงความเหมาะสมในการมอบหมายงาน หรือภาระหน้าที่สำคัญต่างๆ เนื่องจากข้าราชการผู้นั้นถูกกล่าวหาคดีอุกฉกรรจ์เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม