ทหารกับเลือกตั้ง – เป็นเรื่องถูกต้องแล้วที่พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก รับฟังพร้อมสั่งการแม่ทัพภาคที่ 4 ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ระบุ มีชุดทหารกว่า 100 นายเข้าไปยังพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 1 ชุมพร ในลักษณะกดดันการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งซ่อมส.ส.ของพรรค โดยให้รวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงและรายงานให้กองทัพบกทราบเป็นการด่วน ยืนยันกองทัพบกมีนโยบายชัดเจนในเรื่องวางตัวเป็นกลางทางการเมืองในทุกการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด หากพบส่วนใดไม่ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวต้องได้รับการพิจารณาและรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำ
ทั้งทางวินัยทหารและกฎหมายบ้านเมือง
การเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 1 ชุมพร กับเขต 6 สงขลา ซึ่งจะมีขึ้นวันที่ 16 มกราคมนี้ ไม่เพียงเป็นการเลือกตั้งสนามแรกของปีใหม่ 2565 ยังเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่าเป็นการต่อสู้ชิงชัยกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลอย่างประชา ธิปัตย์ในฐานะแชมป์เก่า กับพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ท้าชิง แม้จะร่วมรัฐบาลกันแต่ทั้งสองพรรคก็ถือเป็นคู่ไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดในสนามเลือกตั้งซ่อม ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์เคยทวงถามถึง “มารยาททางการเมือง” ที่พรรครัฐบาลควรหลบหลีกให้กัน แต่ไม่เป็นผล ครั้งนี้ได้ออกมาตั้งคำถามอีกครั้งต่อท่าทีของกองทัพบก
กำลังเอื้อประโยชน์ให้พรรคใดพรรคหนึ่งหรือไม่
สําหรับข้อมูลชุดทหารกว่า 100 นายที่เข้าไปยังพื้นที่เลือกตั้งซ่อมเขต 1 ชุมพร หากหลุดออกมาจากพรรคฝ่ายค้านอาจถูกมองว่าเป็นข้อมูลกล่าวหาเลื่อนลอย ปราศจากมูลความจริง แต่เมื่อหลุดออกมาจากพรรคในรัฐบาลด้วยกันเองน้ำหนักก็เพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ผู้บัญชาการทหารบกสั่งการลงไปผ่านแม่ทัพภาคที่ 4 จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนั่นจะเป็นข้อพิสูจน์ว่ากองทัพบกในฐานะกลไกอำนาจหนึ่งของรัฐเป็นกลางทางการเมืองจริงหรือไม่ สนับสนุนการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงกลไกหนึ่งในการสนับสนุนพรรคการเมือง
ที่สืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร กันแน่