คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
คืบหน้าคดีบิลลี่
ยังไม่จบแค่ข้อหามาตรา 157 ฐานเป็น เจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ คดีนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำชุมชนกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จ.เพชรบุรี ซึ่งล่วงเลยมานานเกือบ 8 ปี โดยเฉพาะข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม ซึ่งเดิมทีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ได้ตั้งข้อกล่าวหานี้ต่ออดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และลูกน้อง รวมทั้งหมด 4 คน แต่อัยการเห็นว่าหลักฐานในประเด็นฆาตกรรมยังไม่เพียงพอฟ้อง จึงฟ้องแค่ข้อหามาตรา 157 ล่าสุดภรรยานายบิลลี่ ผู้เสียหาย เข้าพบ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี ได้รับคำยืนยันจากดีเอสไอว่า ได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอไปยังอัยการเพิ่มเติม เพื่อให้พิจารณาสั่งฟ้องในคดีฆาตกรรมแล้ว สําหรับความเป็นมาคดีบิลลี่ สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติขับไล่ชุมชน ชาวกะเหรี่ยงบางกลอยบน ใจแผ่นดิน ให้ออกจากพื้นที่ป่าแก่งกระจาน ด้วยวิธีการเผาบ้าน ยุ้งฉางข้าว ใช้กำลังบังคับนำตัวออกจากพื้นที่ ทั้งที่บริเวณดังกล่าวกลุ่มชาวบ้านอาศัยอยู่มานับร้อยปี ก่อนที่ทางการจะประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ และอยู่ระหว่างการเรียกร้องพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดินทำกิน และแหล่งที่อยู่อาศัย จากเหตุการณ์ดังกล่าว นายพอละจี หรือบิลลี่ นำเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรม จนเป็นคดีความต่อศาล ฟ้องร้องเอาผิดหัวหน้าอุทยานแห่งชาติและลูกน้อง จนกระทั่งนำไปสู่การหายตัวไปของบิลลี่ หลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ควบคุมตัว จากนั้นดีเอสไอเข้ามาสืบสวนสอบสวน จนพบหลักฐานถังน้ำมัน 200 ลิตร โดยเฉพาะดีเอ็นเอจากกะโหลกศีรษะในหนองน้ำอุทยานฯ แก่งกระจาน ซึ่งตรงกับดีเอ็นเอของแม่บิลลี่ และหลักฐานอื่นๆ อีก โดยสันนิษฐานว่าถูกอุ้มฆ่าเผา ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับอดีตหัวหน้าอุทยานฯ และลูกน้องรวม 4 คน ในชั้นอัยการฟ้องแค่ข้อหามาตรา 157 แต่ดีเอสไอเห็นแย้ง ขณะนี้ดีเอสไอได้สอบสวนเพิ่มเติมใน 4 ประเด็นเสร็จเรียบร้อยแล้วที่เกี่ยวข้องกับข้อหาฆาตกรรม คือพยานด้านเทคนิค ตรวจสอบวัตถุพยานเพิ่มเติม สอบเครือญาติผู้สูญหาย และ เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับการตรวจพิสูจน์หลักฐาน จากนี้ต่อไปขึ้นอยู่กับอัยการสูงสุดพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องเอาผิดข้อหาฆาตกรรมหรือไม่