วันจันทร์ 22 สิงหาคม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งต่อคำร้องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ตามที่ฝ่ายค้านขอให้วินิจฉัยประเด็น
วาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดในวันที่ 23 สิงหาคม 2565 หรือไม่
ปกติศาลรัฐธรรมนูญประชุมทุกวันพุธ สัปดาห์นี้ตรงกับ 24 สิงหาคม วันเดียวกับที่คนส่วนใหญ่เข้าใจตรงกันว่า เป็นวันที่พล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่งนายกฯ เป็นวันแรก
ต้องจับตาการประชุมวันดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญจะนำคำร้องฝ่ายค้านเข้าหารือทันทีหรือไม่ ถ้านำเข้าหารือก็จะมีคำสั่งออกมาใน 2 ประเด็น คือรับหรือไม่รับคำร้องไว้พิจารณา
หากรับไว้พิจารณาก็จะมีคำสั่งตามมาด้วยว่า จะให้พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามที่ฝ่ายค้านร้องขอด้วยหรือไม่
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ระบุ กรณีศาลรับเรื่องแต่ไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
ระหว่างนั้นจนถึงวันที่ศาลมีคำวินิจฉัย ครม.ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ มีมติ ข้อสั่งการได้ทุกอย่างตามปกติ โดยไม่เป็นโมฆะในภายหลัง
แต่ถ้าศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็จะเป็นพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่แทนในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ลำดับที่ 1 ส่วน ครม.ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่
สุดท้ายหากศาลสั่งให้พล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่ง ครม.ก็ยังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ พล.อ.ประยุทธ์ยังรักษาการนายกฯ ได้ แต่ควรหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจ
แต่ไม่ใช่เรื่องยากเพราะมีเวลาไม่กี่วัน ประธานสภาต้องรีบสรรหานายกฯ คนใหม่เร็วที่สุด
จากข้อชี้แจงของรองนายกฯ เห็นได้ว่า ไม่ว่าคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร
ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ต้องพ้นจากตำแหน่ง ต้องสรรหานายกฯ คนใหม่ กระทั่งยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ทุกอย่างมีขั้นตอนกฎหมายรองรับไว้หมด
หากเดินตามเส้นทางนี้ตรงไปตรงมา ประเทศจะไม่เกิดวิกฤตอย่างที่บางคนพยายามอ้างว่า หากนายกฯ ไม่ได้ชื่อพล.อ.ประยุทธ์ ประเทศจะอยู่ไม่ได้ บ้านเมืองจะวุ่นวาย ทั้งที่ไม่เป็นความจริง
8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แสดงฝีมือมามากแล้ว บ้านเมืองเป็นอย่างไรก็เห็นกันอยู่
การจะอยู่ต่อ หรือพ้นอำนาจไป กระบวนการทางกฎหมายจะเป็นผู้ทำหน้าที่ชี้ขาด
ความถูกต้องเที่ยงธรรมเป็นที่ยอมรับของคนทั้งสังคมจะมีส่วนช่วยให้ปัญหาขัดแย้งในสังคมจะสามารถคลี่คลายได้โดยสันติ