คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
ของขวัญปีใหม่
ระหว่างที่ประชาชนรอมาตรการของขวัญปีใหม่หรือการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี รมว.คลังให้ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจปี 2564 ว่าอัตราการขยายตัวของปีนี้น่าจะจบบวกที่ร้อยละ 1
ปัจจัยหลักมาจากการส่งออกยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องที่ระดับร้อยละ 15-20 อีกทั้งค่าเงินบาทมีส่วนช่วยภาคการส่งออกได้ค่อนข้างมาก
ล่าสุดอัตราการใช้จ่ายของประชาชน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งอาจสะท้อนว่าประชาชนเริ่มนำเงินมาใช้จ่ายได้มากขึ้น
ส่วนการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคที่สูงกว่าประมาณการ และสูงกว่าปีก่อนราว 1 หมื่นกว่าล้านบาท
จึงเชื่อมั่นว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ร้อยละ 4
ข้อมูลเพิ่มเติมจากกระทรวงการคลังระบุว่า รัฐบาลมีเงินอีกกว่า 1 ล้านล้านบาท สำหรับใช้ในปี 2565
แบ่งเป็นงบลงทุน 6 แสนล้านบาท งบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ 3 แสนล้านบาท และเงินกู้จากพ.ร.ก.กู้เงินโควิดเพิ่มเติม วงเงิน 5 แสนล้านบาท
อีก 2.5 แสนล้านบาท สำหรับเตรียมความพร้อมในการขยายการลงทุน และประคองการใช้จ่ายของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
การใช้จ่ายในประเทศที่คาดหวังให้เติบโตนี้ รัฐบาลคำนวณให้เป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 50 ของจีดีพี
อย่างไรก็ตาม การลงทุนของภาครัฐ ให้ประชาชนใช้จ่ายเป็นเรื่องที่ลุ้นพอๆ กับ น่าวิตกกังวล
ธรรมชาติของการขยายตัวทางเศรษฐกิจมาจากการที่ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ลงทุนเปิดกิจการเพิ่มขึ้น
แต่แนวโน้มขณะนี้รวมถึงปี 2565 สภาพที่ประชาชนหลายคนมีหนี้สินที่พอกพูนหรือตกงานจะเป็นอุปสรรค
ขณะที่รัฐบาลระบุถึงสิ่งเดียวที่ต้องรอคอย คือภาคการท่องเที่ยว ต้องรอให้ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น
แต่ปัจจัยนี้ต้องรอสถานการณ์จากภายนอก เพราะการท่องเที่ยวไทยพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติสูงมาก ขณะที่รัฐบาลประเมินเองว่าเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะใช้เวลาฟื้นตัวอย่างน้อย 2-3 ปี
ของขวัญปีใหม่ที่จะออกมาจึงอาจดูสวยแบบดอกไม้ไฟที่ตื่นตาแต่อยู่ไม่นาน