กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศ กำหนดให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุมแล้ว หลังจากออกประกาศให้พ้นจากบัญชียาเสพติดประเภท 5

เพื่อให้คุ้มครองป้องกันกลุ่มเปราะบาง คือ เด็ก เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี หญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร ไม่ให้เข้าถึงการใช้ เนื่องจากมีผลต่อพัฒนาการสมองของเด็ก

บุคคลใดที่นำกัญชาไปให้บุคคลตามประกาศนี้ใช้ มีความผิดตามมาตรา 78 พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อัตราโทษระดับนี้จะทำมีความเกรงกลัวกฎหมายหรือไม่ อย่างไร คงจะต้องถกเถียงหาข้อสรุปและแก้ไขให้เกิดความรอบคอบต่อไป

ระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับกัญชงกัญชาออกมาบังคับใช้โดยตรง เชื่อว่าจะมีประกาศอื่นๆ ทยอยออกมาใช้ก่อน เพื่อแก้ไขและป้องปรามการเข้าถึงกัญชาตามสภาวการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

ที่น่าเป็นห่วงที่สุด ต้องการป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงได้ง่าย แม้โรงเรียน สถานศึกษา ทุกแห่งจะออกประกาศให้เป็นเขตปลอดกัญชา แต่ในระดับครอบครัวและชุมชนจะร่วมกันแก้ไขปัญหานี้อย่างไร

อีกประการสำคัญ คือการนำกัญชามาเป็น ส่วนผสมสำหรับการประกอบอาหาร ที่มีความสับสนอยู่มากว่าจะใช้ได้ขนาดไหน ใช้ส่วนใดได้บ้าง และใช้ในปริมาณเท่าใด

สิ่งเหล่านี้จะเป็นปัญหาตามมา เพราะแต่ละร้านต่างพยายามนำเมนูผสมกัญชามาเป็นจุดขาย อาจกลายความสุ่มเสี่ยงต่อ ผู้บริโภค และใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ

ดังนั้น ระหว่างที่ร่างพ.ร.บ.กัญชงกัญชา พ.ศ. … อยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ ยิ่งต้องมีความรอบคอบอย่างยิ่งยวด จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขา

ฝ่ายการเมือง ต้องไม่เล็งแต่จะเอาประโยชน์ตัว แต่จะต้องระดมสหวิชาชีพ ทั้งแพทย์ นักกฎหมาย นักวิชาการด้านต่างๆ ตลอดจนผู้มีความรู้เฉพาะเข้าไปมีส่วนร่วมให้มาก

ระหว่างที่รอกฎหมาย จะต้องมีหน่วยงานเฝ้าระวังการเข้าถึงกัญชาเพื่อสันทนาการอย่างครอบคลุมและรอบด้าน เพื่อชะลอปัญหาที่อาจเกิดขึ้นไม่ให้บานปลายออกไป

กัญชาเป็นพืชที่มีสารเสพติดมีผลออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท มีคุณทางด้านการแพทย์ก็จริง แต่ต้องใช้อย่างเหมาะสม และต้องควบคุมไม่ให้กลุ่มเปราะบางเข้าถึงโดยง่าย