เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก กฎหมายพิเศษเข้าควบคุมตัวนักศึกษา และเป็นนักกิจกรรมในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
จากนั้นนำตัวออกจากบ้านพักใน อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดีเอ็นเอ ก่อนส่งไปกักตัวเพื่อซักถามที่ค่ายเฉพาะกิจทหารพรานที่ 46 อ.เมืองนราธิวาส
เจ้าหน้าที่อ้างมีความสงสัยว่าน่าจะมีส่วนพัวพันเกี่ยวข้องกับการเตรียมลงมือก่อเหตุความรุนแรง หรือเพื่อสร้างสถานการณ์ในช่วงการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค ที่กรุงเทพมหานคร
ท่ามกลางความห่วงใยของครอบครัว และติดตามตรวจสอบการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่
ดังที่ทราบกันดีสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี ยังไม่มีทีท่าจะสงบ หรือเกิดสันติสุขในพื้นที่อย่างแท้จริง
อีกทั้งที่ผ่านมานอกจากฝ่ายผู้ก่อเหตุถูกจับกุมดำเนินคดี และถูกวิสามัญฆาตกรรมเป็นจำนวนมากแล้ว ยังมีประชาชนอีกไม่น้อยถูกเฝ้าจับตามองจากเจ้าหน้าที่ในฐานะผู้ต้องสงสัย หรือมีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุ หรือเป็นแนวร่วม
เจ้าหน้าที่จะใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นกฎอัยการศึก และพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เข้าควบคุมตัวไปซักถามเป็นพิเศษ
จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีชาวบ้านที่ถูกนำไปซักถามมีอาการระหว่างถูกควบคุม บาดเจ็บและนำไปสู่การเสียชีวิตมาแล้ว
ต่อกรณีควบคุมตัวนักศึกษานักกิจกรรม รายล่าสุดนี้ องค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แถลงเรียกร้องให้ปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมสากล และอนุสัญญาว่าด้วยการยุติซ้อมทรมานในทุกรูปแบบ
รวมทั้งต้องอำนวยความสะดวกให้ครอบครัว หรือทนายความเข้าพบ เพื่อสอบถามพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ต่างๆ ในระหว่างถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว
ขณะที่ฝ่ายรัฐก็ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งยวด อย่าให้เกิดการละเมิดอย่างเด็ดขาด หรือหากมีพยานหลักฐานปรากฏ และพิสูจน์ทราบแน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับความรุนแรง หรือเตรียมจะก่อเหตุ ก็ต้องเข้าสู่ขั้นตอนตามกระบวนของกฎหมาย
แต่ถ้าไม่พบพยานหลักฐานเชื่อมโยง ซักถามแล้วไม่พบข้อสงสัยใดๆ ก็ต้องรีบปล่อยตัวกลับสู่ครอบครัวโดยเร็ว