การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและ 10 รัฐมนตรี ดำเนินมา 4 วันเต็ม มาถึงจุดชี้ชะตา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลจะได้ไปต่อหรือไม่
พรรคแกนนำรัฐบาลจะมั่นใจว่า ในภาพรวมการลงมติไม่น่ามีปัญหา เพราะได้ “แจกกล้วย” ให้กับส.ส. เพื่อแลกกับเสียงโหวตสนับสนุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผู้ใหญ่ในพรรคแกนนำ กล่าวกำชับในที่ประชุมส.ส.ให้ลงมติไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด ใครอย่าโหวตอย่างอื่น ถ้าทำอย่างอื่น ต่อไปหมดสิทธิ์ จะไม่ดูแลอีกแล้ว
ในจังหวะหน้าสิ่วหน้าขวาน บรรดาพรรคเล็กร่วมรัฐบาลยังได้เคลื่อนไหวร้อง “ขอกล้วย” จากพรรคแกนนำ และรัฐมนตรีพรรคร่วมอื่นๆ ที่ถูกอภิปราย ต่อรองเรื่องเสียงสนับสนุนกันอย่างโจ๋งครึ่ม
ตามที่มีข่าวมาเป็นระยะทั้งช่วงก่อนและระหว่างการอภิปรายในสภา
รัฐธรรมนูญปี 60 ออกแบบการเลือกตั้งทำให้ที่มีส.ส.ปัดเศษ เกิดสภาพส.ส.พรรคเล็กจำนวนมาก
แม้พรรคเหล่านี้จะมีแค่ 1 เสียง แต่ก็มีบทบาทอำนาจต่อรองทางการเมืองสูงมาก ทำให้ระดับแกนนำพรรคใหญ่ และนายกรัฐมนตรีต้องเกรงใจ เอาอกเอาใจพรรคเล็กกลุ่มนี้ ที่ตั้งเงื่อนไขเรียกร้องการดูแลเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะในช่วงพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญๆ หรือการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ รวมถึงการพิจารณาญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน
ที่จำกันได้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเดือนกันยายนปี 64 ส.ส.ฝ่ายค้านร้องเรียนกลางที่ประชุมสภาฯ ซึ่งมีการถ่ายทอดสด ต่อหน้าประธานชวน หลีกภัย ว่ามีการแจกกล้วยให้ส.ส.คนละ 5 ล้าน มีหลักฐานทั้งคลิปเสียง คลิปวิดีโอ รวมถึงพยานบุคคล
แต่สุดท้ายสภาตั้งกรรมการสอบ สรุปว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีมูล
มีการเปรียบเทียบส.ส.กินกล้วย ไม่ต่างกับส.ส.โสเภณียุคปี 2512 สมัยจอมพลถนอม กิตติขจร เพียงเปลี่ยนถ้อยคำเป็น “ลิงกินกล้วย” เพื่อให้ฟังดูซอฟต์ลง
สะท้อนว่าการเมืองไทยยังก้าวไม่พ้นวงจรอุบาทว์เดิมๆ ที่มีการแย่งซื้อตัว นำเงินไปซื้อเสียงเลือกตั้ง เมื่อเข้ามาเป็นส.ส.ในสภาก็ยังถูกพรรคการเมืองตกปลาในบ่อ ซื้อตัวต่ออีกทอด อย่างที่เรียกว่าส.ส.งูเห่า
รัฐบาลชุดนี้พูดพร่ำอยู่ตลอดว่าเป็นการเมืองยุคปฏิรูป แต่แท้จริงแล้วคือการปฏิรูปถอยหลังลงคลอง
ขายเสียง ขายตัว ย้ายขั้วเปลี่ยนข้างแปลงร่างเป็นงูเห่า ยกมือให้นักการเมืองผู้มีอำนาจเจ้าของสวนกล้วย เพื่อแลกกับการยื้ออยู่ต่อในอำนาจของเจ้าของสวนกล้วย อย่างที่ประชาชนจะได้เห็นในวันนี้ ในการโหวตญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจยุคปฏิรูปการเมืองฉบับรัฐบาลประยุทธ์