วันที่ 13 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เกิดฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ในพื้นที่ทางตอนบนของ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ประกอบกับมีน้ำป่าจากเทือกเขาต่างๆจาก อ.ด่านซ้าย จ.เลย ไหลมาสมทบ ทำให้เมื่อเวลาประมาณ 02.30 น.ของวันที่ 9 กันยายน ที่ผ่านมา น้ำป่าได้ไหลทะลักเข้าท่วม 5 หมู่บ้าน ในพื้นที่ ต.ตาดกลอย อ.หล่มเก่า ทำให้บ้านเรือนราษฎรได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ถูกน้ำท่วมเสียหาย จำนวน 264 หลังคาเรือน โดยมีบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายทั้งหลัง จำนวน 2 หลังคาเรือน
ถึงแม้สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่น้ำป่าได้ทิ้งร่องรอยความเสียหาย ความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งสภาพจิตใจของชาวบ้าน หลายรายยังคงหวาดผวาทุกครั้งที่มีฝนตกลงมา และหลายรายได้ร้องขอให้ทางราชการหาสถานที่อยู่ให้ใหม่ เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ซ้ำรอยอีกก็เป็นได้
นางสาวจีรพร คำดัด อายุ 29 ปี ชาว ต.ตาดกลอย อ.หล่มเก่า เปิดเผยว่าครอบครัวตนปลูกบ้านอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ที่ผ่านมาไม่เคยถูกน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วม แต่ในคืนดังกล่าวเกิดฝนตกหนักบนเขา กระทั่งเวลาประมาณ 5 ทุ่ม มีเสียงน้ำป่าไหลมาอย่างรุนแรง และเอ่อล้นตลิ่งอย่างรวดเร็ว ตนและสามีจึงได้พาพ่อแม่ไปอยู่วัดซึ่งเป็นพื้นที่สูง จากนั้นได้กลับลงมาเพื่อที่จะมารับลูกๆ และหลานขึ้นไป แต่ขณะนั้นกระแสน้ำป่าท่วมสูงประมาณ 1.5 เมตร และไหลเชี่ยวกรากมาก ทำให้ตนและสามีรวมทั้งลูก 2 คนและหลานอีก 1 คน ถูกกระแสน้ำพัดลอยไปติดอยู่กับบ้านอีกหลัง โดยตนและสามีรวมทั้งลูกหลานได้กอดเสาบ้านหลังดังกล่าวไว้ ในขณะที่กระแสน้ำก็พัดอย่างรุนแรง ตนจึงได้ตะโกนบอกกันว่าให้กอดเสาไว้
แต่หลานชายซึ่งอายุ 11 ปี ทนกระแสน้ำไม่ไหวมือหลุดจากเสาถูกกระแสน้ำพัดหายไปต่อหน้าต่อตา ตนและสามีไม่รู้จะช่วยอย่างไร คิดว่าหลานชายคงถูกน้ำพัดจมหายไปเสียชีวิตแน่ๆ แต่แล้วจู่ๆ หลานชายก็ผุดขึ้นมาและลอยไปติดอยู่กับบ้านอีกหลัง ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร ตนจึงตะโกนให้เกาะบ้านหลังดังกล่าวไว้ และได้ปีนขึ้นไปบนบ้านรอดตายราวปาฏิหาริย์ ส่วนตนเองและสามีได้ตะเกียกตะกายพาลูกทั้งสองคน ขึ้นไปบนบ้านหลังที่เกาะเสาไว้ได้จนปลอดภัย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวยังคงติดตาตนอยู่ทุกวันนี้
ขณะที่สองสามีภรรยาชาวบ้านอีกราย เปิดเผยว่า ตนและสามีมีอาชีพทำมะขามแช่อิ่มขาย ในวันเกิดเหตุเมื่อน้ำป่าพัดมา สามีได้ขับรถยนต์ขึ้นไปไว้บนที่สูง ส่วนตนก็ดูแลแม่ที่สูงอายุที่นอนป่วยอยู่ในบ้าน และเมื่อสามีนำรถไปเก็บเสร็จก็กลับมา เพื่อเตรียมที่จะพาแม่ขึ้นไปอยู่ในที่สูง แต่น้ำได้พัดมาอย่างรุนแรง และเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนท่วมถึงพื้นบ้านจุดที่แม่นอนอยู่ ตนจึงพยุงแม่ให้นั่งบนเก้าอี้ จากนั้นตนและสามีจึงปีนไปอยู่บนขอบใกล้ๆ กับหลังคา ทรัพย์สินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ อุปกรณ์ทำมะขามแช่อิ่ม และเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด ถูกน้ำป่าพัดหายไปกับสายน้ำ และหลังจากน้ำลดได้สำรวจความเสียหาย ปรากฏว่าไม่เหลืออะไรเลย ที่นอนหมอนมุ้งถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด ทุกวันนี้ไม่มีแม้มุ้งที่จะกันยุง และขณะนี้ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำอย่างไรต่อไป ตนจึงอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาให้ความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด รวมทั้งอยากจะให้ทางราชการจัดหาที่อยู่ให้ใหม่ ให้ปลอดภัยจากน้ำป่า เพราะทุกวันนี้เมื่อฝนตกหนักก็ยังนอนผวาอยู่เลย