น้ำชา เลี้ยงลูกผ่านกูเกิ้ล ติดนิสัยเพอร์เฟ็กชั่นนิส ใช้ชีวิตตามแบบแผน เผย อดีตใช้เงินพังพินาศ

Home » น้ำชา เลี้ยงลูกผ่านกูเกิ้ล ติดนิสัยเพอร์เฟ็กชั่นนิส ใช้ชีวิตตามแบบแผน เผย อดีตใช้เงินพังพินาศ



น้ำชา เลี้ยงลูกผ่านกูเกิ้ล ติดนิสัยเพอร์เฟ็กชั่นนิส ใช้ชีวิตตามแบบแผน เผย อดีตใช้เงินพังพินาศ

ตั้งแต่เป็นคุณแม่ลูกหนึ่งใช้ชีวิตเป็นระบบระเบียบมากยิ่งขึ้น สำหรับนักร้องสาว น้ำชา ชีรณัฐ ยูสานนท์ ได้ออกมาเปิดใจชีวิตหลังคลอดลูก ดูแล ‘น้องน้ำทะเล’ และชีวิตครอบครัวได้อย่างมีวินัย ทั้งยังออกมาทำงานในวงการอีกครั้ง เมื่อครอบครัวให้ไฟเขียว

โดย น้ำชา ได้ให้สัมภาษณ์กับข่าวสดออนไลน์ว่า “เขาก็กังวลว่าจะแบ่งเวลาในการดูลูกได้มั้ย ซึ่งเราก็บอกว่าเราทำได้ ชาเป็นคนที่ทำหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน เมื่อเลือกมาตรงนี้แล้วก็เอาให้สุดไปเลย”

รีเครสตัวเองอยากกลับเข้ามาสู่วงการเพลงอีกครั้ง? “ชาก็พยายามที่จะเข้าไปในหลายๆ ค่าย เพราะอยากกลับมาทำเพลง แต่ด้วยอะไรหลายอย่างยังไม่แมตซ์กัน เราก็ชิล”

ระหว่างที่กลับมาทำงาน ต้องจัดตารางชีวิตใหม่? “ก็เหนื่อยเหมือนกันนะ คือตรงนี้เราก็อยู่กับเพลงและงาน อีกหน้าที่ก็คือพาลูกไปเรียน อ่านนิทานให้ลูกก็จะเป็นอีกพาร์ตนึง พาร์ตที่เราดูแลตัวเองออกกำลังกาย ยกเวตก็จะเป็นอีกพาร์ตนึง เวลาที่เราอยู่กับสามีก็อีกพาร์ต มันจะเป็นเราในหลายเวอร์ชั่นในแต่ละวัน ทุกวันนี้มีความสุข เหมือนเราทำอะไรได้หลายอย่าง”

ได้สัมผัสการเป็นแม่เต็มรูปแบบ? “ตื้นตันนะ เรามีความสุขกับการที่ได้อยู่กับลูกทุกๆ โมเมนต์เลย เวลาทำกิจกรรมร่วมกัน เราก็มองแล้วนั่งยิ้มอิ่มเอม”

เหมือนลูกมาเปลี่ยนชีวิต เหนื่อยแค่ไหนก็หายเหนื่อย?หายเลย แค่คิดตอนนี้ก็ฟินแล้วอ่ะ เหมือนเราได้อุ้มเขาก็หายเหนื่อย แต่เรามีพี่เลี้ยงค่ะ เพราะชาเป็น working mom ฉะนั้นต้องมีพี่เลี้ยงแน่นอน

หลังคลอด กู้หุ่นกลับมาเร็วมาก? “ทำทุกอย่าง ไม่ง่ายค่ะ แต่ใช้วินัยเป็นหลัก ทำต่อเนื่อง ตื่นเช้ามา 9 โมงก็ตื่นมาออกกำลังกาย ทำมาเป็นเวลา 2 ปี ทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ทำมาตลอดแบบไม่เคยหยุดเลย”

ได้คำแนะนำมาจากพี่ๆ ในวงการเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก?จริงๆ ชาเลี้ยงลูกผ่านแอพพลิเคชั่น ผ่านยูทูบ เราไม่มีใครให้ปรึกษาเลย คุณแม่ที่บ้านเขาก็ลืมกันหมดแล้ว ละก็ไม่มีใครที่ให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำเราได้ขนาดนั้น เราก็เปิดดูจากหน้ากระทู้ต่างๆ เหมือนเราเลี้ยงลูกมาจากสื่อเหล่านี้ ทุกอย่างทุกปัญหาเลย แล้วมันก็ดีนะเพราะเป็นข้อมูลจากแพทย์ เราก็เลือกที่เขามีผู้เชี่ยวชาญรับรอง

เชื่อถือได้ในระดับหนึ่งหรือต้องทดลองเอง? “ลูกก็โอเคอยู่ค่ะ”

ชีวิตครอบครัวมันมาเติมเต็มอย่างไร? “แฮปปี้มากเลยแหละ มันเป็นโมเมนต์ที่ฟูลฟีลเวลาที่เรามีสามีอยู่ข้างๆ มีลูก มีหมาตัวนึงอยู่ด้วยกันเป็นแฟมิลี่ มันเป็นความสุข”

ครอบครัวเห่อรับขวัญหลาน? “เห่อหลานทุกคน จนคิดว่าเรามีลูกคนเดียวพอมั้ยเนี่ย เพราะทุกคนแย่งกันจนบางทีเราไม่ได้อยู่กับลูก ลูกคิวเต็ม เห่อกันทุกทริปที่ไปค่ะ”

ลูกชายค่อนข้างอารมณ์ดี ไม่งอแง? “เขาจะยิ้มให้กับทุกคนนะ แต่คนแปลกหน้าที่เขาไม่เคยเจอไปจับตัวเขา ก็จะมีความตกใจ ต้องอยู่ด้วยกันสักพักค่ะ”

วางแพลนมีลูกคนที่ 2?คิดอยู่ทุกวันแล้วก็เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ เพราะยังไม่แน่นอน ส่วนสามีเราเขายังไงก็ได้ ถามว่ามีอ้อนขออีกคนมั้ย ไม่ขนาดนั้น เขาคนเดียวก็ได้ 2 คนก็ได้ แต่ 2 คนน่าจะแม็กซ์แล้ว

ในใจอยากมีลูกสาวเพิ่มอีกคน? “ใช่ๆ ถ้ามีอีกคนหนึ่งก็อยากได้ลูกสาว(ต้องใช้วิธีวิทยาศาสตร์?) ต้องอย่างงั้นเลยแหละ เพราะเราอยากได้ลูกสาวไปเลย ที่บ้านเค้าก็ไม่รีเควส ทุกคนฟรีสไตล์หมดเลยค่ะ”

ตอนนี้ปรับการใช้ชีวิตได้แล้ว? “ลงตัวนะ แต่ก็ไม่ใช่ทำงาน 7 วัน เพราะเรามีลูกแล้ว เราต้องสแปร์เวลาบางวันให้กับลูก ไม่สามารถทำงาน 7 วันได้”

ตอนนี้น้องน้ำทะเลกี่ขวบ? “ตอนนี้ 1 ขวบ 1 เดือนค่ะ”

เห็นมองการณ์ไกลมีแพลนให้ลูกเรียนต่อเมืองนอก? “ดูเรียบร้อยแล้วค่ะ ทุกอย่างเป็นสเต็ป แพลนเอาไว้หมดแล้วจนโต”

ให้ลูกชายเรียนนระดับอินเตอร์เลย? “มองว่าตอนนี้อยู่เมืองไทยก่อน เรียนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ จีนด้วย ถ้าเขาสามารถนะคะ จากนั้นเราค่อยส่งเขาไปเมืองนอกค่ะ ต้องไปเมืองนอกอยู่แล้ว”

ถ้าลูกไปอยู่เมืองนอก เราก็ต้องไปด้วย? “คิดอยู่เหมือนกันค่ะ ก็มองไว้ตอนเขาอายุ 12 ปี”

เป็นคนชอบวางแผนอนาคต? “ใช่ๆ ถ้าสังเกตชีวิตชาจะเป็นสเต็ป มองไว้ว่าทำงานอายุเท่านี้ แต่งงานอายุเท่านี้ มีลูกตอนอายุเท่านี้ ชาจะมีสเต็ปวางไว้ แล้วทำตามแบบเป๊ะ ฟีลนั้นในหลายๆ เรื่อง”

เป็นเฟอร์เฟ็กชั่นนิสไปแล้ว? “นิดนึง ซึ่งมันก็มีทั้งดีและไม่ดี ก็ค่อนข้างมีคนทักนะ สมมุติชาแพลนไว้ตอนท้อง ว่ามีลูกแล้วชาต้องมีหุ่นกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้ แล้วชาก็จะทำให้ได้ ตี 5 ก็ตื่นมาออกกำลังกาย ทุกอย่างทั้งหมดทั้งมวลมันไม่มีใครที่จะมานั่งผลักดันเราเลย

มันคือตัวเราเองเนี่ยแหละผลักดันตัวเอง เหมือนคนที่บ่นทุกวันว่าฉันจะผอมแล้ว แต่ไม่ลงมือทำ คือชาไม่ใช่ไทป์นั้น เรามองว่าถ้าจะผอม จะเป็นแม่ที่แต่งตัวเหมือนเดิม ทำงานเหมือนเดิม ชาก็จะทำให้มันเป็นแบบนั้น ไม่มีเดี๋ยวก่อน เป็นคนที่มุ่งหวังแล้วก็จะทำให้ได้แบบนั้นค่ะ”

มีเป้าหมาย มีวินัย มีแรงบันดาลใจทุกวัน จนกลายเป็นคนเป๊ะไปโดยปริยาย? “เรียกว่าเป็นคนไม่ย้วยดีกว่า ทำคือทำ ไม่ทำก็ไม่ทำเลย ไม่ค่อยมีตรงกลางค่ะ”

วางแผนชีวิตขนาดนี้ แสดงว่ามีเป้าหมายใหญ่ในชีวิต? “ก็ดูแลลูกให้ดีที่สุด ให้เขาได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด ให้เขาได้สิ่งที่ดีที่สุดในทุกเรื่องในอายุของเขาที่เราจะให้ได้ แต่เราก็ต้องไม่สปอยล์ลูก ไม่เลี้ยงแบบไม่ลูกคุณหนู เราจะเลี้ยงเขาให้ติดดินที่สุด ให้เขารู้สึกว่าพอเขาไม่มีเรา เขาสามารถที่จะอยู่ได้ด้วยตัวเอง แล้วอยู่ได้ดีด้วยอันนี้คือเป้าหมาย

สองชาไม่สามารถทิ้งงานได้ ชายังต้องทำงานอยู่ เพราะนั่นคือสิ่งที่สร้างคุณค่าให้ตัวชาเอง ชาไม่สามารถเป็นฟูลไทม์มัมได้ ฉะนั้นเงินที่หามาได้ทุกบาทมันคือคุณค่าของชา สามชาจะต้องซัพพอร์ตสามีด้วย ช่วยดูแลเวลาเขากลับมาบ้าน ก็ทำพาร์ตภรรยาให้ดี ไม่ใช่งานดี ลูกดี แต่ทิ้งสามี สี่เราต้องช่วยสังคมไม่ใช่เราเอาแต่เรื่องของเราเป็นหลัก เราก็ไปทำบุญปล่อยปลาทุกเดือน คือชารู้สึกดีมากทุกครั้งที่ได้ทำ แล้วมันสร้างคุณภาพให้ชาด้วย เราก็ทำชีวิตให้ดีขึ้นและช่วยเหลือคนอื่นให้ดีขึ้นด้วย”

ทุกวันนี้วางแผนการเงินด้วย? “ก็เก็บให้มากกว่าใช้ คือแต่ก่อนใช้ไม่คิด ใช้แบบไร้สาระมากเลย พอเราโตขึ้นเลยเสียดายที่แต่ก่อนเราใช้เงินแบบไร้สติ ซึ่งตอนนี้พอเราได้เงินมาปุ๊บ เราก็เปลี่ยนความคิด ต้องเก็บเงินให้ได้มากกว่าใช้

เราวางไว้เลยเงินเท่านี้ แบ่งให้ตัวเองใช้กี่เปอร์เซ็นต์ แล้วที่เหลือเราเก็บ ห้ามไปแตะมันนะ มันเป็นเงินฉุกเฉินไปเลย ซึ่งความคิดแบบนี้มันมาเกิดกับเราตอนอายุ 30 ปี คือก่อนหน้านี้พังพินาศมาก ตอนนี้เลิกแล้ว เหมือนเราโตขึ้น แล้วคุณสามีเราเขาทำงานเรื่องการเงิน เขาก็สอนเขียนค่าใช้จ่าย แยกไปส่วนลงทุน หรือเป็นเงินฝาก”

ปัจจุบันก็เก็บเงินไว้ให้ลูกเสียส่วนใหญ่? “เก็บนะคะ พอมีลูกเราใช้เงินแบบคิดเยอะกว่าแต่ก่อนมากๆ แต่ตอนนี้ก็แฮปปี้ค่ะ”

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ