‘น้องชมพู่’ เปิดใจถึง ‘ทีน่า’ เปลี่ยนใช้ชื่อ ‘ประยุทธ์’ แทน ‘สรพงษ์’ ชี้ไม่สำคัญเท่าการชดใช้และคำขอโทษ พร้อมเปิดใจถึงชีวิตสู้ทำธุรกิจ

จากกรณีดราม่าศึกกระเป๋าแอร์เมส ต่อมาโซเชียลมีการเปิดวาร์ป “น้องชมพู่” เจ้าของกระเป๋า ดีกรีไม่ธรรมดา เป็นถึงเจ้าของบริษัท ในวัยเพียง 24 ปี

ล่าสุดวันที่ 24 ธ.ค.64 น.ส.จิดาภา ชีนารักษ์ หรือน้องชมพู่ เจ้าของกระเป๋าแอร์เมส เปิดใจกับข่าวสดออนไลน์ ถึงประเด็นที่มีคนเปิดวาร์ป และประเด็นเรื่องการเปลี่ยนชื่อของ คุณทีน่า ไปใช้ชื่อ ประยุทธ์ แทนชื่อ สรพงษ์ ตามที่เคยพูดไว้ตอนแรก

น้องชมพู่ เล่าว่า เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ได้เปิดบริษัท จิดาภา กรุ๊ป จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 3 ล้าน ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับตัดเย็บเสื้อผ้าและออกแบบ แต่ในช่วงโควิดบริษัทได้รับผลกระทบ จึงต้องปิดบริษัทไปก่อนซึ่งเมื่อไม่นานนี้ เพิ่งชำระบัญชีเสร็จไป และเร็วๆ นี้จะเปิดบริษัทใหม่ ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงาม

“ย้อนกลับไปก่อนที่จะมาเปิดบริษัท ตอนอายุ 20 ปี ก็เป็นแม่ค้าขายเสื้อผ้ามาก่อน เก็บเงินมาเรื่อยๆ จนมาเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง เพราะคิดว่าอยากเป็นนายตัวเองมากกว่า ไม่อยากทำงานประจำ และมีพนักงานเกือบ 10 คนที่ต้องดูแล การทำธุรกิจมีบริษัทตั้งอายุ 20 ปี ไม่เรื่องเรื่องง่าย ต้องเริ่มนับ 1 ใหม่ทั้งหมด ผ่านอุปสรรคมาเยอะมาก”

น้องชมพู่ บอกอีกว่า ไม่ได้สะสมกระเป๋าแบรนด์เนม เวลาอยากได้ใบใหม่ ก็เอาใบเก่าไปขายสำหรับกระเป๋าที่แพงสุดที่เคยซื้อมา ก็เป็นกระเป๋าแอร์เมส ใบที่เกิดเรื่องขึ้น ซื้อมาตอนแรกในราคา 430,000 – 450,000 บาท แต่ที่ขายเพราะอยากได้ใบใหม่

ส่วนเรื่องที่ คุณทีน่า ร้านรับซื้อกระเป๋า จะเปลี่ยนชื่อเป็น “สรพงษ์” หรือ “ประยุทธ์” น้องชมพู่ บอกว่า ก็ไม่ทราบเหมือนกัน เห็นแค่ในข่าว แต่ถึงจะเปลี่ยนชื่อ ก็ไม่สำคัญ เท่าคำขอโทษ และการชดใช้ คือเงียบไปเลย