นุ้ย สุวีณา อาร์สยาม เปิดใจกว่าจะได้เป็นนักร้อง เกือบเสียตัวให้ครูเพลงชื่อดัง

Home » นุ้ย สุวีณา อาร์สยาม เปิดใจกว่าจะได้เป็นนักร้อง เกือบเสียตัวให้ครูเพลงชื่อดัง



นุ้ย สุวีณา อาร์สยาม เปิดใจเล่าย้อนเส้นทางกว่าจะได้เป็นนักร้อง เกือบเสียตัวให้ครูเพลงชื่อดัง เผยอดีตรักสุดช้ำ ถูกตราหน้าเป็นเมียน้อย

นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง นุ้ย สุวีณา อาร์สยาม เปิดใจเส้นทางในวงการลูกทุ่ง กว่าจะได้เป็นนักร้อง เกือบเสียตัวให้กับครูเพลงชื่อดัง พร้อมเปิดเผยอดีตชีวิตรักโศกนาฏกรรมที่ลงท้ายด้วยการนองเลือด ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องวัน 31 ที่มี หนิง ปณิตา, ตั๊กแตน ชลดา และชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

เห็นบอกว่าระดับบรมครูจะข่มขืนเรา? นุ้ย : “ไม่เคยเล่าที่ไหนเลย ที่นี่ที่แรกเลย ตอนนั้นนุ้ยอายุ 21 เป็นช่วงที่เราขึ้นมาตามล่าความฝัน อยากเป็นนักร้อง สมัยก่อนไม่ได้เปิดกว้างเหมือนสมัยนี้ที่มียูทูบ ต้องใช้วิธีไปเจออาจารย์ กว่าจะมาถึงอาจารย์คนนี้นุ้ยก็ผ่านมาหลายคนแล้วในลักษณะต้องแลกเปลี่ยนชู้สาว แต่อาจารย์ท่านนี้หนักสุดตรงที่ว่ามันถึงเนื้อถึงตัว จูบอะไรอย่างนี้เลย มันเริ่มต้นจากการที่นุ้ยเดินทางมากรุงเทพฯ ที่ค่ายใหญ่ค่ายนึง ซึ่งมีอาจารย์ท่านนี้นั่งตำแหน่งใหญ่อยู่ นุ้ยก็นั่งรถทัวร์มากับแม่ พอมาเจออาจารย์ แม่นุ้ยก็ต้องกลับเลย อาจารย์ก็บอกว่าไม่ต้องกังวลนะ คิดซะว่าฝากปลาย่างไว้กับแมวก็แล้วกัน ตอนนั้นเราก็เอ๊ะ เราจะคิดมั้ย หรือเราไม่ต้องคิด หรือว่าแกพูดเล่น อาจารย์ท่านนี้ก็บอกว่าเดี๋ยวจะพาไปพิจิตร”

ทีท่าเขาเป็นยังไง? นุ้ย : “บุคลิกเขากรุ้มกริ่ม เลิ่กลั่ก ด้วยอายุเกือบจะคุณปู่เราได้”

คิดว่าด้วยอายุและหน้าที่การงานไม่น่าจะทำอะไรแบบนี้? นุ้ย : “ใช่ ด้วยตำแหน่ง และเป็นการมาค่ายนั้นเป็นครั้งแรกของนุ้ยด้วย ทุกคนรู้จักหมด เขาก็บอกว่าให้เราไปเตรียมตัวเดี๋ยวจะไปพิจิตร”

ตอนนั้นกลัวมั้ย? นุ้ย : “กลัวมากค่ะ ไม่รู้ว่าพิจิตรอยู่ตรงไหน พอแกออกไปกินข้าว หนูก็เดินไปหาเลขาหน้าห้องว่าหนูมาสมัครเป็นนักร้อง แต่ตอนนี้หนูกลัวมากอาจารย์เขาจะพาหนูไปพิจิตร แต่หนูไม่รู้ว่าพิจิตรอยู่ตรงไหน อาจารย์เขาเป็นคนดีมั้ยคะ แต่บังเอิญผู้หญิงคนนั้นเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ของเขาพอดี”

แล้วเขาตอบว่ายังไง? นุ้ย : “ไม่ต้องกลัว คุณพ่อเป็นคนดีมากค่ะ มันต้องไป เพราะหนูก็ไม่รู้จะไปไหน เพราะตอนนั้นหนูก็มาฝากเนื้อฝากตัวกับเขาแล้วมันก็ต้องไป”

เดินทางไปกันสองคน? นุ้ย : “3 คนค่ะ มีคนขับรถ นุ้ย แล้วก็ท่าน พอไปถึงพิจิตร งงมากบ้านหลังใหญ่ทำไมไม่มีคน มีแค่นุ้ยคนเดียวแล้วบ้านก็เหมือนไม่มีคนอยู่ เขาก็บอกว่าเดี๋ยวแกนอนนี่นะ เดี๋ยวฉันจะไปบ้านเมีย พอรุ่งเช้าเขามาหา เขาก็บอกว่าฉันจะพาแกไปร้องเพลงนะ ไปเรียนร้องเพลง เขาก็บอกว่าก่อนจะเจอแก ฉันฝันเห็นมังกรคาบแก้วอะไรแบบนี้ แล้วเดี๋ยวจะซื้อทองให้ 10 บาทนะ ให้พระด้วย เราก็เริ่มใจไม่ดี คืนนั้นยังไม่พูดอะไร อีกวันพานุ้ยมาอีกที่นึง ทีนี้มาพร้อมลูกสาวมาบ้านที่แคราย นุ้ยก็เดินนำไป ลูกสาวเดินตาม ข้างบ้านก็ดู เขาก็บอกว่ามองอะไร มองเมียสวยหรือว่ามองลูกสาว นึกในใจไม่ได้ยินผิดใช่มั้ย เริ่มกลัว ตอนเล่าเหมือนขำแต่ตอนนั้นใจดีสู้เสือสุดมาก”

แล้วลูกสาวเขาไม่พูดอะไรเหรอ? นุ้ย : “พอกลับมาประมวลตอนนี้คิดว่าลูกสาวเขาน่าจะชิน”

แล้วยังไงต่อ? นุ้ย : “พอไปที่แคราย เขาให้น้องสาวย้ายออกเลยคือเหมือนตั้งใจให้นุ้ยมาอยู่บ้านหลังนี้ ซื้อทุกอย่างมาให้พร้อมเสร็จสรรพ คืนนั้นเป็นคืนที่เกิดเหตุ เขาบอกนุ้ยว่าพรุ่งนี้ฉันจะพาแกไปซื้อทองนะ แต่แกต้องเป็นเมียฉันนะ

พูดตรงๆ แบบนี้เลย? นุ้ย :พูดแบบนี้เลยว่าแกต้องเป็นเมียฉันนะ ฉันจะให้เป็นนักร้อง นุ้ยก็อาการชาตั้งแต่หัวจรดเท้าแข็งทำอะไรไม่ถูกเลย แล้วในบ้านไม่มีใครด้วย สักพักเขาเดินมาใกล้นุ้ยแล้วจูบปากนุ้ยเลย นุ้ยก็แข็ง ตกใจ ในใจคือกลัวแล้วก็ช็อก แต่คิดว่าถ้ามันเกิดเหตุการณ์นั้นจริงๆ นุ้ยน่าจะก้านคอเขาหรืออะไรเขาได้ เขาน่าจะลงไปกอง แต่ตอนนั้นเราช็อกอยู่ไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจถ้ามันถึงที่สุดต้องจัดการ”

พอโดนอย่างนั้นแล้วเราตัวแข็ง เขาทำยังไงต่อ? นุ้ย : “เขาไม่ทำอะไรต่อนะคะ เขาก็รู้ว่าเรากลัว เขาก็เหมือนว่าไม่ได้ทำอะไรต่อ แต่บอกให้หนูรับรู้ว่าจะเอาหนูเป็นเมีย หนูไม่ตอบอะไร หนูแค่นั่งเฉยๆ ช็อกไปเลย ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ตกใจ ไม่คิดไม่ฝัน งงมาก แล้วเขาก็กลับไปเพื่อจะมารับหนูไปพรุ่งนี้ ก็นัดหนูเสร็จเรียบร้อย”

คืนนั้นนอนหลับไหม? นุ้ย : “คืนนั้นไม่ได้นอน หากระดาษเขียนจดหมาย ขอบคุณที่ให้ที่พัก ขอบคุณที่ให้ที่อยู่ ให้ข้าว ให้น้ำ ซึ่งเราต้องหนีคืนนั้น แต่ในใจเรายังเป็นนางเอกอยู่นิดนึงว่าเกิดวันหนึ่งเราได้เป็นนักร้อง แล้วเรามาเจอเขาล่ะ เราก็ยังอยากไหว้เขาอยู่นะ วันนี้เขาไม่ได้ทำอะไร พออยู่ในวงการจริงๆ มันต้องไหว้ ต้องสวัสดี นึกในใจว่าฉันจะยังไม่ด่าเขา เผื่อวันหนึ่งต้องเจอ ก็เขียนจดหมายขอบคุณ แต่ในใจโกรธ เสียใจ แต่ก็กลัวมาก ทีนี้ก็เลยโทรหาเพื่อนที่อยู่แถวนั้นว่าเกิดปัญหาอย่างนี้ ฉันจะต้องไปขึ้นรถยังไง จะหนีกลับใต้ โบกแท็กซี่กลางดึก ออกมาตี 3 เพื่อจะไปปิ่นเกล้าขึ้นรถทัวร์หนีกลับบ้าน แต่ไปถึงรถทัวร์ก็ยังไม่มี นุ้ยก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ตรงไหน ไปนอนแถวๆ ตรงนั้น กว่าจะมีรถ”

แล้วหลังจากนั้นกลับเข้ามาในวงการบันเทิงยังไง? นุ้ย : “หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้แล้ว นุ้ยรู้สึกเกลียดวงการลูกทุ่งไปเลย ไม่อยากเป็นแล้วนักร้อง ตอนที่เกิดเหตุการณ์ก็โทรหาแม่แล้วร้องไห้ตลอด พอหนีกลับบ้านตอนนั้นไม่เอาแล้ว เกลียดแล้ว

ตอนที่หนีไปครูเพลงท่านนี้พยายามจะติดต่อเราไหม? นุ้ย : “ไม่ค่ะ ไม่ติดต่อ หายเงียบไปเลย เพราะว่านุ้ยเขียนจดหมายทิ้งไว้ นุ้ยบอกว่านุ้ยขอบคุณมาก แต่นุ้ยไม่สามารถที่จะทำตามข้อเสนอนั้นได้”

ครูเพลงท่านนี้ยังอยู่ในวงการไหม? นุ้ย :เขาเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อสัก 2-3 ปีนี้เอง นุ้ยอโหสินานแล้วค่ะ ตอนที่นุ้ยเข้ามาเป็นนักร้องก็ยกมือไหว้ พอเจอหน้าเขาก็ปกติยกมือไหว้ แต่ไม่ได้พูดคุย”

ดวงจะเจอแบบนี้ ไปเจอค่ายเพลง เจอคนที่เข้ามาในชีวิตก็พยายามจะทำแบบนี้ตลอด? นุ้ย : “ใช่ค่ะ จนมีความท้อแท้ว่าหรือมันต้องแลกจริงๆ เหรอ เราไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ เหรอ

เห็นว่าตอนนั้นมีตราบาปโศกนาฏกรรม ความรัก? นุ้ย : “เรื่องนี้มันละเอียดอ่อน เพราะมันเป็นความเป็นความตายของชีวิต มันเกิดขึ้นตอนนุ้ยอายุ 17 ซึ่งเป็นวัยรุ่น บ้านนุ้ยไปรับจ้างกรีดยางอีกที่หนึ่ง นุ้ยจะอยู่อีกที่ แล้วชีวิตที่ต้องต่อสู้เอง ช่วงนั้น ม.5 เราต้องสู้เอง ค่าเช่าบ้าน พ่อแม่ก็ส่ง แต่มันไม่ทัน ตอนนั้นก็ปิดเทอมไม่รู้จะทำอะไร จะช่วยแม่ยังไง เห็นร้านคาราโอเกะอยู่ข้างโรงเรียน ก็เลยตัดสินใจไปเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านคาราโอเกะ เราไปทำด้วยกลัวไปด้วย วันที่เราไปวันแรกก็เจอตำรวจเข้ามาพูดคุยนู้นนี่นั่น เหมือนเราปลอดภัย มีคนคุ้มครองเลยเกิดความรักขึ้น แต่มันค่อยๆ ดำเนินไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปสัก 6 เดือน เรียกว่าเป็นรักครั้งแรก ผู้ชายคนแรกที่เปิดบริสุทธิ์เรา เราเป็นเด็ก ไม่ได้รับคำปรึกษาจากพ่อแม่ เรารู้สึกปลอดภัย แล้วหน้าที่การงานก็ดี เราก็เลยตกเป็นของเขาไป คือรักเขา แต่พอใช้ชีวิตไปสัก 6 เดือนมารู้ทีหลังว่าเขามีครอบครัว มีภรรยา มีลูกอยู่แล้ว”

เรารู้ได้ยังไง? นุ้ย : “วันนั้นบังเอิญไปบ้านเขา ตอนแรกเห็นรูปถ่ายก่อน เขาบอกไม่ใช่ ผมเป็นหม้าย แต่มีลูก อันนั้นคือรู้สเต็ปแรก สเต็ปที่สองที่รู้ชัดเจนก็คือ มันเป็นแฟลตตำรวจที่เราไปๆ มาๆ เราเรียนเสร็จเขาก็ไปรับไปส่งเรา แต่พอกลับมาวันนั้นเจอผู้หญิงอยู่ในห้องพร้อมกับลูกเขา พอเราเห็นก็…”

ต่างคนต่างเห็นไม่ช็อกเหรอ? นุ้ย : “ช็อกทั้งคู่ค่ะ แล้วเขาร้องไห้ เราก็ร้องไห้ นุ้ยเข้าไปกอดเขา บอกเขาว่านุ้ยก็ไม่รู้ นุ้ยขอโทษ นุ้ยบอกว่าให้มันจบตั้งแต่ตอนนี้ เราก็บอกตรงๆ ว่ายังทำใจไม่ได้ ซึ่งทางผู้ชายพยายามจะง้อทุกอย่าง ก็ยังมีแอบมาหาเรา แล้วช่วงนั้นทางผู้หญิงอยู่ในช่วงที่มันยื้อช่วงชิงกันอยู่ แต่ฝั่งเรา เราพยายามทำใจอยู่ บวกกับว่าทางผู้หญิงเขียนจดหมายไปที่โรงเรียนเรา แล้วนุ้ยก็โดนเรียกเข้าห้องปกครอง แล้วจะโดนไล่ออก เขาเขียนว่าเราเป็นชู้ เราเป็นเมียน้อย แต่ด้วยความที่เราประวัติดีมาตลอด คุณครูก็หาวิธีแก้ไขให้ต้องอะไรยังไง แล้วบังเอิญว่าคุณครูที่จะย้ายนุ้ย ผอ.เขาย้ายไปก่อน แล้วก็พอ ผอ.ใหม่เข้ามา เรื่องมันก็ต้องเริ่มใหม่ มันเป็นช่วงที่นุ้ยต้องตัดใจจริงๆ ขับรถไปดูแค่หน้าห้อง อารมณ์แบบจะได้มูฟออนสักที สุดท้ายเอามอเตอร์ไซค์ที่เขามาฝากไว้ในบ้านเช่า เราก็แอบขโมยมอเตอร์ไซค์ที่เขามาฝากไว้ ขับไปจอดตรงหน้าแฟลตเราก็เห็นหยดเลือดเล็กๆ ตรงมอเตอร์ไซค์ของเขา แต่ก็ยังไม่เอะใจ แต่ก็เห็นหยดเลือดทีละหยดๆ ตามบันไดขึ้นไป แต่ก็ไม่รู้ว่าหยดเลือดอะไร แต่หยดเลือดก็ไปหมดตรงหน้าห้องเขาพอดี เราก็คิดว่าหรือเขาทะเลาะกันแล้วมีดบาด อาจจะง้อกันแล้วดีกันแล้ว แล้วเราก็กลับบ้าน แล้วพออีกอาทิตย์นึงก็ทราบข่าวว่าปืนลั่นใส่พี่ผู้หญิง”

หมายถึงว่าเขาอาจจะทะเลาะกันในเรื่องที่เราเข้าไปมีส่วนในนั้น? นุ้ย : “ใช่ๆ”

แล้วปืนของพี่ผู้ชายลั่นใส่ผู้หญิง แล้วเสียชีวิตไหม? นุ้ย : “ไม่เสียชีวิตทันทีแต่ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีกประมาณสัปดาห์หนึ่ง พี่ผู้หญิงคนนี้เขามีแฝดแล้วเขารอแฝดเขาแล้วเสีย มันเป็นความรักครั้งแรก แต่มันเป็นเรื่องสีดำที่มันเกิดขึ้นในชีวิตนุ้ยเลย”

ตอนนั้นตกใจ ช็อกขนาดไหน ที่เราอาจจะเป็นต้นเหตุ? นุ้ย : “เราก็ไม่รู้ปรึกษาใคร ตอนนั้นตกใจมาก ก็มีแต่เพื่อน ถามว่าจะทำยังไงก็ตัดสินใจอะไรไม่ถูก แต่พอเกิดเหตุการณ์นี้ช่วง Entrance พอดี มันตีกันไปหมด”

ณ ตอนนี้ที่เล่า ยังมีความรู้สึกอยากจะร้องไห้อยู่ไหม? นุ้ย : “มันรู้สึกผิดมาตลอด ถึงแม้มันเป็นเหตุการณ์ที่เราไม่ตั้งใจ แต่เราก็เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ที่ทำให้คนคนหนึ่งเสียชีวิต และทำให้เด็ก 2 คนสูญเสียแม่ มันเลยรู้สึกผิด เหตุการณ์นั้นเป็นสิ่งที่เรารับผิดชอบด้วย นอกจากแค่ร้องไห้ มันคือสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบเขาด้วย เหมือนเรามาทำให้บ้านเขาแตก ถึงแม้เราไม่รู้ว่ามันจะจบแบบนี้ก็ตาม”

หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกับผู้ชายคนนั้น? นุ้ย : “จริงๆ หลังจากเกิดเรื่องขึ้นเหตุการณ์ยังดำเนินต่อ”

เห็นว่ายังคบกันอยู่? นุ้ย : “ใช่ค่ะ พอเหมือนเกิดเหตุการณ์นั้น ในเรื่องของความรักมันยังมีอยู่ บวกกับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำให้เรารู้สึกต้องรับผิดชอบครอบครัวเขา”

ตามไทม์ไลน์ที่เรารู้มา นุ้ยเองตัดสินใจคบกับผู้ชายคนนี้อีก 12 ปี? นุ้ย : “ใช่ค่ะ”

เหตุผลคือเราต้องรับผิดชอบเขา? นุ้ย : “เรารู้สึกว่าเด็กไม่มีใครให้เรียกแม่ เรารู้สึกว่าเรามาทำให้บ้านเขาแตก แล้วเราจะเดินออกไปเฉยๆ เรามีความรู้สึกว่าเราผิด เราต้องรับผิดชอบตรงนี้”

ตอนนั้นเด็กอายุเท่าไหร่ เขารับรู้เหตุการณ์ไหม? นุ้ย : “ผู้ชาย 1 ขวบ”

ด้วยความที่เด็กอยู่ เรารู้สึกว่าควรจะทำหน้าที่ดูแลตรงนี้? นุ้ย : “ใช่ค่ะ”

กรณีนี้พี่ผู้หญิงมีคู่แฝด แล้วทางคู่แฝดพี่ผู้หญิงเขายอมให้เราอยู่ดูแลหลานเขาเหรอ? นุ้ย : “จริงๆ เราไม่ได้ดูแลแบบเต็มที่ หมายถึงว่าเอามาอยู่กับเรา เพราะเรายังเรียนอยู่ แต่ในความคิดของนุ้ย ณ ตอนนั้นเราจะทำให้ความผิดที่เราทำ เราอยากแก้ไขให้มันดีขึ้น ด้วยการที่ว่าวันหนึ่งฉันจะรับผิดชอบกับชีวิตตรงนี้ เป็นแม่แทนแม่เขาให้ได้ประมาณนี้”

ก็เลยยังอยู่กับพี่ผู้ชาย? นุ้ย : “ใช่”

เคยมีแว้บคิดไหมว่าถ้าเราเลิกกับเขา เขาจะทำร้ายเราไหม? นุ้ย : “ถ้าแว้บคิดขึ้นมาเฉยๆ ไม่มี แต่ตอนที่เราตัดสินใจเลิกกับเขา มีเหตุให้เลิก คิดค่ะ เพราะตอนนั้นนุ้ยมาเป็นนุ้ย สุวีณา อาร์สยาม แล้วนะคะ เราคบเขาตั้งแต่ 17 จนมาเป็นนุ้ย สุวีณา อาร์สยาม ก็ยังคบอยู่ แล้วมันมีเหตุการณ์พอเราห่าง เขาก็มีผู้หญิงคนอื่น เราจับได้ แต่เราก็ให้โอกาสนะคะ เพราะเราเข้าใจว่าห่างกัน 6-7 เดือน แต่ว่าเขาแก้ไขปัญหาไม่ได้ จนผู้หญิงตามมาราวีเราเวลาเราไปแสดง เลยตัดสินใจต้องมูฟออน เพราะเราไม่ปลอดภัยกับชีวิตแล้ว เราไม่รู้จักหน้าเขา แต่เขารู้จักเราแล้ว เขาบอกเดี๋ยวฉันจะไปแฉหน้าเวทีนะว่าเธอก็แย่งเขามา”

พอมีเหตุการณ์แบบนี้มุมมองความรัก เรารู้สึกว่าเป็นกรรมไหม เหมือนกงกรรมกงเกวียน คิดไหมว่ามันกลับมาสนองเรา? นุ้ย : “นุ้ยไม่ได้คิดว่าเป็นเวรกรรม แต่มันเกิดซ้ำสอง มันเกิดจากผู้ชายก็เป็นที่ตัวเขา มันไม่ใช่ผู้ชายเป็นคนดีมาตลอด แล้วมีผู้หญิงมาแย่งไป แต่นี่ผู้ชายเป็นต้นเหตุ เพราะฉะนั้นมันไม่เป็นเวรกรรม เดี๋ยวผู้หญิงคนนี้เป็นอีก แล้วผู้ชายเป็นคนกระทำ มันเป็นที่ผู้ชาย”

เลยตัดสินใจเลิก แล้วไม่มีเหตุการณ์ที่เขาจะมาทำร้ายเรา? นุ้ย : “ไม่ๆ”

ตอนเป็นนักร้องดังมีคนมาจ้างไปร้องเพลงที่ห้องนอน เกิดอะไรขึ้น? นุ้ย : “ก็ทักมา ถามว่าปกติเล่นราคาเท่าไหร่ กี่นาที นุ้ยบอกประมาณ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมงค่ะ เขาบอกถ้ามาไม่ต้องถึง 45 นาทีก็ได้ แค่มาร้องที่ห้องเฉยๆ ให้เท่าเล่นคอนเสิร์ตเลย”

แล้วเราตอบเขาไปว่าไง? นุ้ย : “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ แต่ไม่จบ เขามีโทรมาเสนอ ปกติเธอเล่นคอนเสิร์ตได้เงินเท่าไหร่ ให้เธอคูณมา 10 มา แล้วให้เรามาเป็นก้อน นุ้ยตกใจแล้วขำนิดนึง เขาบอกลองคบดูก่อน 6 เดือนค่อยต่อก็ได้ นุ้ยบอกว่าตายแล้ว มัน พรบ.เหรอ มันไม่ใช่รถนะ”

คลิปสัมภาษณ์ นุ้ย สุวีณา

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ