นิ้ง ชัญญา ชิลมาก! ใช้ชีวิตให้มีความสุข ปล่อยโรคร้ายรักษาตามสมควร
นิ้ง ชัญญา ชิลมาก! / เป็นอีกหนึ่งคนที่เรียกว่า เอาชนะใจตัวเอง และสามารถควบคุมความกลัวต่างๆ ได้เป็นอย่างดี สำหรับ ‘นิ้ง’ ชัญญา แม็คคลอรี่ย์ นักแสดงสาวที่มากด้วยความสามารถ ที่ตอนนี้เป็นผู้ป่วยเนื้องอกในสมองและเนื้องอกบริเวณหน้าอก
วันที่ 29 มิ.ย. ที่ ร้าน BOOZE BANGKOK มีการจัดกิจกรรมเก็บภาพบรรยากาศ การถ่าย MV เพลง WINK (วิ้งค์) ซิงเกิ้ลล่าสุดจาก เจ้านาย วรรธนะสิน โดยมี นิ้ง รับบทเป็นนางเอกเอ็มวี
นิ้ง ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์อัพเดตถึงอาการป่วยเนื้องอกในสอมงและเนื้อง
อกที่หน้าอกว่าตอนนี้ เป็นอย่างไรบ้าง รักษายังไงและมีอันตรายมากน้อยแค่ไหน
สุขภาพตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? “ก็ตั้งแต่เจอเนื้องอกอันใหม่ที่หน้าอก ก็ยังไม่ได้ไปหาหมอเลย นี่ก็เพิ่งหนีไปสวิสมา 15 วัน แล้วก็เพิ่งกลับมาได้ 5 วันค่ะ”
ระดับไหนแล้ว? “ระดับ 3 จริงๆ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ว่าทริปสวิสกับแมไม่ได้เกิดขึ้นได้บ่อยๆ แล้วแม่เขาจองทุกอย่างไว้หมดแล้ว เลยคิดว่าเนื้องอกรอได้ เราไปเที่ยวก่อน (ใหญ่ขนาดไหน?) ไม่มันใจเลย เขาไม่ได้บอกเป็นเซ็นมา เหมือนในสมอง ในสมองเหลือ 2 เซ็นกว่าๆ ตอนนี้ก็มีที่สอมงกับหน้าอกค่ะ”
กังวลไหมว่ามันจะขนายขึ้น? “ขยายค่ะ จากสถิติเดิม 6 เดือน โตขึ้น 1 เซ็น ดังนั้นก็ต้องฟอลโล่ทุกๆ 6 เดือน และต้องทำเอ็มอาร์ไอทุกปี เพื่อนดูว่าที่สมองเป็นยังไงบ้าง เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า ตื่นมามันขยับขยายยังไงบ้าง และประเด็นคือเนื้องอกชนิดนี้ตื่นขึ้นมาแล้วเป็นอัมพาตไปแล้ว คืออยู่ดีๆ พรุ่งนี้อาจจะตื่นมาเป็นอัมพาตเลยก็ได้ มันมีสิทธิ์เป็นไปได้”
ดูไม่กลัวและเป็นคนคิดบวก? “เพราะว่าจริงๆ หนูรู้สึกว่าไม่รู้จะเครียดแล้วได้อะไร แล้วเราก็เอ็มอาร์ไอทุกวันไม่ได้อยู่ดี และรู้สึกว่ามันคงมีสถิติในการเติมโตของมัน ซึ่งหนูเชื่อว่าคุยกับมันได้ ก็เออรอก่อนเดี๋ยวจัดการให้ ตอนนี้ก็ทำงานหรือพาไปเที่ยวก่อน หนูไปสวิสมาเนี่ย หมอบอกว่าผ่าสมองแล้วจะมีเรื่องการดำน้ำไม่ได้ ขึ้นเขาไม่ได้ หนูไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าสามารถโดดเครื่องบินได้ไหม แต่หนูโดดมาแล้ว ซึ่งหนูก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ได้ เพราว่ามันทำได้”
กลัวไหมเพราะวามารถเป็นอัมพาตได้? “ไม่ค่ะ ถ้ามันจะเป็นก็คงต้องเกิด หมายถึงว่าหนูทำอะไรไม่ได้”
คุณหมอตามไหมว่าให้ไปรักษา? “ไม่ตามค่ะ (ต้องผ่าไหม?) คือมันอย่างนี้ เนื้องอกถ้ามันโตขึ้นแล้วโดนก้านสมองแล้วทำให้ดับได้ หรือโดนเส้นประสาท 3 เส้นใหญ่ ตาหรืออะไร ความอันตรายคือเราไม่มีทางรู้ว่ามันโตขึ้นแล้วมันจะไปเบียดตอนไหน แต่มันจะมีสัญญาณเช่นตาฝั่งขวากระตุก ก็บงบอกว่าฉันโตขึ้นแล้วนะอย่างนี้”
กระทบการทำงานไหม? “ไม่กระทบเลยค่ะ (คิดบอกๆตอลด?) ใช่ค่ะ (ยังไม่มีเอฟเฟ็กต์อะไรกับร่างกาย?) ยังค่ะ”
อะไรทำให้คิดบวกขนาดนี้? “เพราะคิดว่าถ้าคิดลบไปก็ไม่ได้อะไร (แม่เป็นห่วง?) จริงๆ หนูไม่ค่อยสนิทกับที่บ้าน แต่จริงๆ เขาเป็นห่วง แต่ว่าต่อให้เขาบอกเรา หนูคิดว่าการตัดสินใจของหนู ถ้าหนูไม่ไปแล้วถ้าเกิดอะไรก็ยอมรับมันได้ เพราะไม่ไปเองไง ถ้าหนูไปเที่ยวแล้วเกิดอะไรขึ้นมา ก็หนูเลือกไปเที่ยวก่อนไง คือทุกๆ การตัดสินใจ ก็ตัดสินใจไว้แล้วว่าต่อไปนี้หนูจะรับผิดชอบมัน และหนูก็รับผิดชอบมันแต่เพียงผู้เดียว”
มันอันตรายถึงชีวิตเลยนะ? “ก็มีความเสี่ยง แต่หนูคิดว่าถ้าเราใช้ชีวิตในการคิดว่าเราจะเสี่ยงอะไรไปตลอด มันจะทำให้เราไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยซ้ำ เราทำอันนี้ได้หรือเปบ่า ทำอันนั้นได้หรือเปล่า พรุ่งนี้ตื่นมาจะตื่นอีกไหม เราก็คงไม่มีความสุขกับ ณ ปัจจุบันที่เรายังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ”
หมอห้ามอะไรบ้าง? “ไม่ห้ามเลยค่ะ (กิจกรรมโลดโผน?) มีแค่ตอนผ่าสมอง คือกรีดสมองน้ำ 500 มิลลิลิตรไหลออกมา แล้วน้ำในสมองจะยังไม่มี สอมงจะแฟบ ช่วงนั้นจะทรงตัวไม่ได้ เดินไม่ตรง หันช้า ก็จะเป็นเรื่องของระบบประสาท แต่ว่าสุดท้ายเรามีเวลาพักฝื้นมันก็จะเยียวยาทุกอย่าง และจะมีข้อจำกัดเช่นเส้นประสาทมันไม่เหมือนเนื้อเยื่อร่างกายที่กินโปรตีนแล้วมันทดแทนได้ เช่นผ่าตัดตอนแรกตากลับมาไม่เหมือนเดิม ระบบโฟกัสเหมือนกล้อง ซึ่งก็รอ 3 เดือน แต่ถ้าไม่หายก็คือไม่หายเลยตลอดชีวิต”
อาหารการกิน? “ไม่เกี่ยวเลย เนื้องอกชนิดที่เป็นคือหนึ่งในแสนไม่เกี่ยวกับอาหารทั้งสิ้น กินได้ทุกอย่าง ตอนผ่าครั้งแรกก็กินก๋วยเตี๋ยวเผ็ดเบอร์สามได้”
ศึกษาข้อมูลเพื่อเผชิญกับมันได้? “ใช่ค่ะ ที่เห็นว่าใช้ชีวิตไปเที่ยวอะไร แต่จริงๆมีข้อมูลเกี่ยวกับมัน มันเป็นยังไงได้บ้าง ทำอะไรได้บ้างค่ะ”
คิดว่ามีโอกาสหายไหม? “ไม่มีโอกาสหายค่ะ อย่างน้อยถ้าผ่าพอมันเล็กที่สุด ต้องผ่าอีก 2 ครั้ง ทีแรกผ่าออกไปทีหนึ่งเอาข้างล่างออกไป แต่มันมีข้างล่างกว่านั้นอีก มันเลยต้องผ่าอีก 2 ครั้ง เผื่อเปิดเอาข้างล่างออกและเปิดข่างบนเพื่อเอาข้างบนออก ซึ่งข้างล่างมันเล็ก ถ้าเราเอาข้างบนออกแล้วข้างล่างมันเบ็กเหบือสัก 1 เซ็น อาจจะอยู่ได้อีก 2 ปี แล้วค่อยๆไปเอ็มอาร์ไออีกทีก็ได้ค่ะ”
หมอก็ไม่ได้การันตีว่ามันจะหายขาด? “มันยากที่จะหายขาด เพราะเนื้องอกนี้มันโตตลอดเวลา มันอาจจะยืดเวลาในการไปโรงพยาบาล 6 เดือน 1 ปี 2 ปี แต่ก็ต้องผ่าไปตลอดชีวิตอยู่ดี เพราะไม่สามารถขูดมันออกมาจากก้านสมองได้ ก้านสมองเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดแล้ว ถ้าโดนมันปุ๊บตายอย่างเดียว ซึ่งการผ่ามันอันตรายกว่าที่มันเล็กแล้วค่อยๆ เติบโตอีก การผ่าเสี่ยงสุดแล้ว”
เลยขอทำงานให้สนุกก่อน? “หนูเลยทำงาน ปล่อยให้ทันรอไปก่อน”
หลายๆ คนอาจอยู่ในสภาวะเดียวกับเรา อยากให้กำลังใจเขายังไง? “หนูรู้สึกว่า ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วสิ่งที่ทำได้คือมูฟออนไปจากมัน แล้วหาเหตุผลให้มันไม่ได้ด้วย ก่อนหน้านี้หนูพยายามหาเหตุผลว่ามันเกิดจากอะไร ต่อให้เซิร์สเจ้าไปหา ก็จะได้คำตอบว่าพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ ถามหมอก็ยังไม่รู้ ไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจนได้ ชนิดหนึ่งในแสนแล้วมันเป็นเรา ก็เลยรู้สึกว่ามันพิเศษ ก็สู้กับมัน แล้วคนที่ได้แบบนี้มาคือมันอาจจะมาทดสอบบางอย่างของเรา ก็ได้ทดสอบคงามอดทน ความแข็งแกร่ง และถ้าเป็นไปแล้วและไม่ยอมรับมันจะอยู่กับมันไม่ได้เลย จะหาเหตุผลตอบกว่าทำไมต้องเป็นเรา แล้วก็มีคำถามว่าทำไมต้องเป็นคนอื่นอีก คือไม่มีใครสมควรเป็นสิ่งนี้ด้วยซ้ำ แต่เราเป็นมันแล้วก็ใช้ชีวิตต่อไปในแบบที่เราใช้ได้ คือเกิดปัญหาก็ค่อยๆ แก้ไปทีละจุด โอเคเนื้องอกนี้มันทำปวดหัว ก็กินยาวห้หายปวดหัวแล้วใช้ชีวิตต่อไปได้ไหม หรือที่ทำแก้ปวดออฟฟิศซินโดรม ที่เรียกว่ากายภาพบำบัด ทำอะไรได้ก็ค่อยๆ แก้ไปทีละสเต็บดีกว่าค่ะ ถ้าไปคิดถึงปลายทางว่าพรุ่งนี้เราจะตาย มันเครียดเปล่าๆค่ะ “