นิโรธ ซัด พิเชษฐ มีพฤติกรรมกลับกลอก ทำตัวเหมือนสายลับ 3 หน้า ร่วมมือฝ่ายค้าน ดิสเครดิตรัฐบาล ฉะปกป้องผลประโยชน์ให้ใครกันแน่

เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2565 นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ออกมาจับมือร่วมกับฝ่ายค้าน ตรวจสอบรัฐบาลในโครงการท่อส่งน้ำอีอีซีมูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาทว่า เรื่องนี้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคมาก ที่มีคนของพรรคไปร่วมมือกับฝ่ายค้านมาดิสเครดิตรัฐบาลเช่นนี้

โดยเฉพาะนายพิเชษฐ เพิ่งจะยุบพรรคตัวเอง แล้วมาขออยู่กับพรรค แต่กลับประกาศจับมือกับนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคเก่าที่เคยอยู่มาก่อน และเป็นฝ่ายค้านด้วย สร้างความมึนงง สับสนต่อสังคมและเพื่อนสมาชิกพรรคว่าเกิดอะไรขึ้น

นายนิโรธ กล่าวต่อว่า การอ้างว่าทำไปเพื่อตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในโครงการนี้นั้น การประมูลครั้งนี้เป็นการประมูลเพื่อหาเงินเข้ารัฐ ไม่ใช่การหาเงินเพื่อเข้าบริษัท และมีข่าวว่าในอดีต บริษัทอีสท์วอเตอร์ จ่ายเงินให้รัฐเพียง 500 ล้านบาทกับสัมปทาน 30 ปี ทั้งที่แหล่งน้ำต้นทุนรัฐบาลก็จัดงบฯอุดหนุนให้ทุกปี แม้แต่ปี 65 ก็ได้งบไปหลายร้อยล้านบาท ถามว่าได้ประโยชน์ไปเท่าไหร่ เพราะบริษัทมีผลกำไรปีละพันกว่าล้านบาท หากเป็นจริงบริษัทจะมีผลกำไรรวมถึง 3 หมื่นกว่าล้านบาท

อีกเรื่องที่น่าเป็นห่วง คือ มีข่าวว่านายพิเชษฐ เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอีสท์วอเตอร์มาก่อน หากเป็นจริงการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของนายพิเชษฐ ถามว่าทำไปเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท หรือของใครกันแน่ ที่สำคัญ กรณีนี้ นายกฯสั่งให้ตรวจสอบ เพราะรับฟังคำท้วงติงของทุกฝ่ายแล้ว

นายนิโรธ กล่าวว่า การที่นายพิเชษฐ บอกว่าเข้าไปในพรรคแล้วเหมือนคนแปลกหน้า ก็อยากบอกว่าเพราะท่านทำตัวแปลกแยก มีเรื่องอะไรควรคุยกันในพรรค ไม่ใช่ให้ข่าวกล่าวหานายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรค ทั้งที่นายสันติ ยึดผลประโยชน์ของประเทศและยืนเคียงข้างประชาชน ถามว่าทำเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่

“จากพฤติกรรมของนายพิเชษฐ คนในพรรคจึงมองท่านเป็นวัตถุโปร่งแสง ยิ่งเป็นส.ส.อาวุโสหลายสมัย แต่กลับมีพฤติกรรมเช่นนี้ ทำตัวเหมือนสายลับ 3 หน้า วันหนึ่งอยู่ฝ่ายหนึ่ง อีกวันอยู่อีกฝ่าย กลับกลอกไปมา ทำให้สภฯเสื่อมเสีย และเสื่อมเกียรติของส.ส. ที่มีพฤติกรรมเช่นนี้” นายนิโรธ กล่าว