“นิพนธ์” ยัน สู้คดีเต็มที่แล้ว หลังศาลรธน.นัดวินิจฉัย 14 ก.ย. นี้ เผยแก๊งฮั้วประมูลรถฯ อบจ.สงขลา หลบหนีออกนอกประเทศเพิ่ม โยนพรรคตัดสินใจ หากพ้นตำแหน่ง
เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยสถานะความเป็นรัฐมนตรีในวันที่ 14 ก.ย.นี้ ว่า ตนได้ชี้แจงไปครบถ้วนทั้งประเด็นข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริงแล้ว รวมถึงคำแถลงการณ์ปิดคดีด้วย จึงขอให้รอฟัง
นายนิพนธ์ กล่าวว่า ส่วนข้อต่อสู้ที่จะให้พ้นจากข้อกล่าวหานั้น มีรายละเอียดเยอะมาก ทั้งคำสั่งของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่สั่งให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการช่วงรอยต่อของกฎหมาย ซึ่งเป็นกฎหมายเก่าและกฎหมายใหม่ และไม่ได้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายที่กำหนดไว้
นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า รวมถึงข้อเท็จจริงในคดี ซึ่งได้ชี้แจงไปหลายรอบแล้วว่าการที่ไม่จ่าย คือ การทำตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นผู้กำกับอบจ.สงขลา และปฏิบัติตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่เป็นคำยืนยันมาโดยตลอด และข้อเท็จจริงทางคดีที่มีการสอบรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดไปว่าฮั้วกัน ตำรวจสงขลาและตำรวจกองบังคับการปราบปราม ได้ยืนยันว่ามีการฮั้วการประมูล มีการใช้เอกสารปลอม และผู้ต้องหาได้หลบหนีไปต่างประเทศ
นายนิพนธ์ กล่าวว่า อย่างรายล่าสุดที่จับตัวได้กลางเดือนส.ค. ก็ได้หลบหนีไปต่างประเทศเมื่อวันที่ 19 ส.ค. หลังศาลออกหมายจับแบบไม่มีอายุความเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งขบวนการนี้ได้หนีไปต่างประเทศทั้งหมด ผู้ต้องหาในคดีฮั้วประมูลหลบหนีออกนอกประเทศแทบทุกอาทิตย์ ทั้งหมดที่ตนทำ เพื่อป้องกันผลประโยชน์ งบประมาณ ภาษีของประชาชน และตนมั่นใจว่าทำดีที่สุดแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แม้จะมีความมั่นใจว่าจะรอดคดี แต่หากพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีได้มีการเตรียมใครไว้แทนหรือไม่ นายนิพนธ์ ระบุว่า ต้องรอฟังคำวินิจฉัยของศาล แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์จะพิจารณา ส่วนจะเป็นโควตาของภาคใต้หรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องที่คณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคจะพิจารณา
เมื่อถามว่า ได้เผื่อใจไว้ใช่หรือไม่หากต้องพ้นจากตำแหน่ง กล่าวว่า ตนทำดีที่สุดแล้ว เพราะฉะนั้นก็พร้อมจะน้อมรับทุกเรื่อง ทั้งนี้ ไม่กังวลว่าเรื่องนี้จะกระทบกับการเลือกตั้งครั้งหน้า
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยมีการลงพื้นที่ภาคใต้มากขึ้น นายนิพนธ์ ระบุว่า ทุกพรรคมีสิทธิ์ที่จะไปทุกที่ ประชาธิปัตย์ก็มีสิทธิ์เช่นกัน ฉะนั้นการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะเตรียมความพร้อม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ออกหมายจับ น.ส.อาภาวรรณ นิงสานนท์ พนักงานบริษัท พลวิศว์ เทค จำกัด ผู้ชนะการประมูลรถซ่อมบำรุงทาง ของ อบจ.สงขลา ในความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอมและตกลงร่วมกันเสนอราคา (ฮั้วประมูล) เป็นเหตุให้ อบจ.สงขลา ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดเมื่อปี 2555
โดยน.ส.อาภาวรรณ ถือเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญ เนื่องจากเป็นพนักงานของบริษัทผู้ชนะการประมูล ที่มีส่วนร่วมในการจดจัดตั้งบริษัทคู่เทียบหลายบริษัท เพื่อมาเข้าร่วมการประมูลการจัดซื้อรถฯ ทำให้ อบจ.สงขลาหลงเชื่อว่ามีการประมูลกันจริง
ทั้งนี้ จากข้อมูลสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่าน.ส.อาภาวรรณ ได้เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศแล้วเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เที่ยวบินที่ QR0837 จุดหมายปลายทางกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางเดียวกับนายอิทธิพล ดวงเดือน เจ้าของบริษัท พลวิศว์ เทค จำกัด และนายสุรพงษ์ ตรียานนท์ เจ้าของบริษัท เอ็กซ์ ทู ที อินดัสตรี จำกัด ที่ถูกศาลฯออกหมายจับและได้หลบหนีไปก่อนหน้าแล้ว
โดยน.ส.อาภาวรรณเพิ่งจะถูกตำรวจกองปราบจับกุมตัว และแจ้งข้อกล่าวหาเมื่อกลางเดือนนี้ เท่ากับว่าผู้ต้องหาเกือบทั้งหมดในคดีฮั้วประมูลรถซ่อมทางฯ อบจ.สงขลา ได้เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศเกือบทั้งหมดแล้ว
คดีนี้เป็นที่น่าสังเกตอย่างยิ่ง เนื่องจากนายนิพนธ์ ซึ่งเป็นอดีตนายก อบจ.สงขลา ยืนยันมาตลอดว่าสาเหตุที่ไม่อนุมัติจ่ายเงินให้กับบริษัทพลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ผู้ชนะการประมูลนั้น เพราะตรวจพบการกระทำที่ผิดกฎหมายข้างต้นของผู้เข้าร่วมประมูล จึงจำเป็นที่จะตัองระงับการจ่ายเงินเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้แก่ราชการ อย่างไรก็ตาม นายนิพนธ์ กลับถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีไม่ยอมจ่ายเงินให้แก่ผู้ชนะการประมูล ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ตัองหาหนีหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9