'นิพนธ์' ลั่นไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล ปมถูกฟ้องคดีฮั้วประมูล ซัดป.ป.ช.ใส่ร้ายเสียหาย

Home » 'นิพนธ์' ลั่นไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล ปมถูกฟ้องคดีฮั้วประมูล ซัดป.ป.ช.ใส่ร้ายเสียหาย



‘นิพนธ์’ ลั่นไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล ปมถูกฟ้องคดีฮั้วประมูล ซัดป.ป.ช.ใส่ร้ายเสียหาย กระทบทั้งพรรคและรัฐบาล ยันขอปกป้องสิทธิ์ พร้อมสู้ทุกศาล

จากกรณีที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีมติให้ยื่นฟ้อง นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย คดีกรณีละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ ให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด ขณะที่เป็นนายก อบจ.สงขลา โดยให้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง แทนการฟ้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 โดยระบุว่านายนิพนธ์เป็นคนมีอิทธิพลในพื้นที่ จ.สงขลา นั้น

เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2565 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ว่า ที่ผ่านมาตนเคยร้องขอความเป็นธรรมต่อ ป.ป.ช.ไปหลายครั้ง ในฐานะองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ทั้งการยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่างๆหลายกรณี แต่ไม่เคยได้รับการตอบรับ ดูเหมือนว่าป.ป.ช.มีธงในใจหรือไม่ เพราะไม่เคยได้รับการพิจารณาในการส่งทั้งพยานและหลักฐานเลย

นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า ตนก็มีสิทธิ์ที่จะปกป้องชื่อเสียง เพราะการประมูลจัดซื้อจัดจ้างรถซ่อมบำรุงทางเอนกประสงค์ของ อบจ.สงขลา จัดประมูลถึง 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 3 ทำในยุคตนเป็นนายกฯ อบจ. ขณะนี้คนที่ฮั้วประมูลก็หลบหนีหมายจับของศาลทุจริตฯ ภาค9 รวมถึงผู้ชนะการประมูลในครั้งที่ 3 ที่เราพบว่ามีการฮั้ว มีการใช้เอกสารเท็จ โดยปลอมแปลงเอกสารด้วย ดังนั้นการกล่าวหาว่า ตนเป็นคนมีอิทธิพลในพื้นที่ จ.สงขลา เป็นการกล่าวหาที่ใส่ร้ายเกินไปหรือไม่

“ผมประกอบอาชีพทนายความ ครอบครัวทำอาชีพสุจริตมีโรงงานบรรจุปลากระป๋องทูน่าส่งออก นำรายได้เข้าประเทศปีละ 5-6 พันล้านบาท ไม่เคยเก็บค่าคุ้มครอง ไม่เคยเปิดบ่อน ซ่อง หวยโป ไม่เคยรับส่วยใครทั้งสิ้น การกล่าวหาว่าผมเป็นผู้มีอิทธิพล ทำให้เสียหายมาก ผมมีสิทธิ์ขอความเป็นธรรม และยังเชื่อมั่นว่า กระบวนการยุติธรรม ศาลสถิตย์ยุติธรรมไทย ยังเป็นที่พึ่งของสังคมไทยได้ ผมพร้อมที่จะต่อสู้พิสูจน์ในทุกศาล และเชื่อว่าผมจะได้รับความยุติธรรมเช่นเดียวกับคนไทยทุกคน” นายนิพนธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าจะฟ้องกลับ ป.ป.ช. หรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ตนไม่ประสงค์จะเป็นปฏิปักษ์กับป.ป.ช. แต่จะร้องขอความเป็นธรรมแทน ที่ตนติดใจมากในเรื่องนี้คือ 2 กรณี 1.ที่ป.ป.ช.ระบุว่า ขอให้โอนคดีนี้ไปฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง แทนที่จะฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ตามหลักปกติ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุของคดีนี้ และ2.การให้ข่าวโดยใส่ร้ายว่า ตนเป็นผู้มีอิทธิพลใน จ.สงขลา มันเลยเถิดไปไกลถึงกับกล่าวหากันอย่างนี้แล้ว

“ทั้งที่ข้อเท็จจริงควรระมัดระวังในการจะกล่าวหาใคร เพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ผมก็มีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และมีตำแหน่งเป็น รมช.มหาดไทย ในรัฐบาลปัจจุบัน การให้ข่าวโดยระบุว่า ผมเป็นผู้มีอิทธิพล ผมเสียหายมาก ทั้งยังกระทบต่อพรรคฯ และรัฐบาล จึงไม่น่าเชื่อว่าจะมีการออกมาให้ข่าวมาจาก ป.ป.ช.ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริต ทั้งที่ตามหลักกฎหมายต้องยึดหลักว่า ผู้ถูกกล่าวหาทุกคนต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อนที่ศาลตัดสินคดี”

“มองแล้วเขาประสงค์จะดำเนินคดีกับผมแน่ โดยเฉพาะการระบุว่าให้ฟ้องคดีต่อศาลทุจริตฯ กลางแทนการส่งฟ้องต่อศาลทุจริตฯ ภาค 9 ซึ่งถ้าดำเนินคดีนี้ต่อศาลทุจริตฯ ภาค 9 ศาลก็จะเห็นถึงความแตกต่างของคดี และเทียบเคียงข้อเท็จจริงได้ โดยใช้ความรอบคอบในคดีมากยิ่งขึ้น” นายนิพนธ์ กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ