‘นิพนธ์’ ฉุนเสียหาย ข้อกล่าวหา ผู้มีอิทธิพล ย้ายคดีฮั้วประมูล ซ่อมรถอบจ.สงขลา มาศาลทุจริตกลาง ระบุเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ควรกล่าวร้ายใคร
เมื่อเวลา 08.35 น. วันที่ 12 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้ากรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้ยื่นฟ้องนายนิพนธ์ ต่อศาลทุจริตกลาง ฐานละเว้นไม่เบิกจ่ายค่ารถซ่อมบำรุงทางอบจ.สงขลา แทนการดำเนินคดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ว่า ตนได้ชี้แจงมาหลายครั้งแล้วและไม่รู้จะพูดอย่างไรอีก ซึ่งตนพยายามที่จะชี้แจงและร้องขอความเป็นธรรมจากป.ป.ช.มาตลอดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตนไม่ได้มีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งใคร หรือก่อให้เกิดความเสียหายกับใคร แต่เกิดจากการร้องเรียนและมีหนังสือจากจังหวัดสั่งไม่ให้จ่ายเงินล่วงหน้า โดยให้มีการรายงานข้อเท็จจริงต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ตนจึงได้ตั้งกรรมการสอบ
ซึ่งสรุปผลว่ามีการฮั้วประมูลจริง โดยขณะนั้นเองตนได้รายงานต่อจังหวัด และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มาโดยตลอด และเรื่องดังกล่าวก็ปรากฏข้อชัดเจนแล้วว่า ขณะนี้ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ได้ออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการฮั้วการซ่อมบำรุงรถครั้งที่ 1-3 และขณะนี้เท่าที่ทราบอัยการได้สั่งฟ้องศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้วและจำเลยเองก็อยู่ในเรือนจำ
รวมไปถึงขณะนี้เองป.ป.ช.ก็แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่อยู่ในขบวนการฮั้วทั้งหมด จึงเป็นที่มาว่าเกิดการฮั้วเกิดขึ้นแล้วตนจะจ่ายเงินได้อย่างไร เช่นเดียวกับคำวินิจฉัยของศาลฎีกาในปี 2519 ที่ขบวนการไม่มีการแข่งขันราคากันจริง ซึ่งขัดกับความสงบเรียบร้อยกฎหมายนิติกรรมที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่ได้วางบรรทัดฐานไว้แล้วว่าเป็นโมฆะกรรม ไม่มีผลผูกพันกัน อบจ. จึงไม่จำเป็นต้องถือหลักทรัพย์ไว้และให้คืน เนื่องจากนิติกรรมนั้นเป็นโมฆะ และคำพิพากษาของศาลฎีกาในปี 2531 ก็เดินแนวทางนี้มาโดยตลอด
นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ผ่านพ้นเวลามายาวนานและมีการโต้แย้งกันมาตลอด ตนไม่ประสงค์ที่จะให้โต้แย้งส่วนตัวและตนไม่มีปัญหาส่วนตัวกับป.ป.ช.แต่อย่างใด เพียงแต่ตนต้องการร้องขอความเป็นธรรม เพราะตนทำไปเพราะถือว่าเป็นการรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน และรักษาผลประโยชน์ภาษีของประชาชน
ส่วนข้อกล่าวหาที่บอกว่าตนนั้นมีอิทธิพล จะนำคดีมาพิจารณาที่ศาลอาญาทุจริตกลาง ซึ่งตามกฎหมายแล้วนั้นศาลอาญาทุจริตภาค 9 เป็นผู้มีเขตอำนาจศาลตามกฎหมาย ซึ่งตนนั้นเสียหายมาก คนเราเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ควรระมัดระวังไม่กล่าวร้ายใส่ร้ายใคร การกล่าวว่าตนเป็นผู้มีอิทธิพล ตนเสียหาย
เมื่อถามว่า จะดำเนินคดีฟ้องร้องกลับหรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ขอดูก่อน ตนไม่ประสงค์ที่จะตอบโต้อะไร แต่การที่กล่าวให้ผู้อื่นเสียหาย ต้องพึงระมัดระวัง และตนคิดว่าเรื่องที่จะไม่ฟ้องคดีในภาคศาลอาญาและประพฤติมิชอบภาค 9 นั้นไม่มีเหตุผล เพราะคดีเก่าที่ป.ป.ช.แจ้งความดำเนินคดีจับผู้ฮั้วประมูลก็อยู่ในเขตอำนาจศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 และหากเป็นการย้ายคดีมายังศาลกลางจริง ก็จะเป็นภาระ เพราะพยานทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ภาค 9 จึงควรจะดำเนินคดีที่นั่น
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการทำหนังสือแย้งไปยังป.ป.ชหรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า หากมีจริงคดีของตนจะเป็นคดีแรก ที่มีการใช้อำนาจอย่างนี้