นายอำเภอชุมแสง ถูกมูลนิธิกล่าวหายิงหมาหน้าโรงพัก แต่เปิดวงจรปิดดูแล้วแต่ไม่ชัด นายอำเภอยันไม่ได้ทำ
จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ ได้โพสต์รูปภาพของสุนัขที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้าย พร้อมกับข้อความระบุว่าในทำนองว่า หมาจรที่อาศัยอยู่ในโรงพัก สภ.ชุมแสง อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ชื่อลีโอ ถูกนายอำเภอชุมแสงใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่กลางลำตัวจนได้รับบาดเจ็บ เพียงเพราะโมโหที่เจ้าลีโอไปกัดพรม จึงทำให้เกิดบันดาลโทสะ โดยมีการแนบรูปภาพนิ่งที่บันทึกภาพได้จากกล้องวงจรปิดในสถานที่เกิดเหตุ และระบุว่าคนที่อยู่ในภาพคือนายอำเภอชุมแสงเป็นผู้กระทำไว้เป็นหลักฐาน แต่ในมุมมองของภาพอยู่ในจุดไกลที่ไม่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความกระจ่าง วันนี้ (20 มิ.ย.64) ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่ สภ.ชุมแสง อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับที่ว่าการอำเภอ โดยได้ไปที่แฟลตตํารวจ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของโรงพัก เพื่อตามหาเจ้าลีโอ สุนัขที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ พบว่า สุนัขอยู่ในความดูแลรักษาอาการของตำรวจนายหนึ่ง ได้อุ้มเจ้าลีโอ สุนัขพันธุ์ไทย เพศเมียวัย 2 ปี สีดำแซมเหลือง ลงมาจากชั้นสองของแฟลต ในสภาพมีบาดแผลอยู่กลางลำตัว แต่ได้ถูกรักษาจนบาดแผลเริ่มหาย และอาการดีขึ้นแล้ว ซึ่งก็พบว่า เจ้าลีโอมีอาการร่าเริง ไม่ดุร้าย เดินสะบัดหางไปมาด้วยความเป็นมิตรกับผู้คน
จากการสอบถามตำรวจนายดังกล่าว เปิดเผยว่า เจ้าลีโอ เป็นสุนัขพันธุ์ไทย ที่เกิดจากพ่อของมันคือเจ้าหมี และแม่ชื่อเจ้าโชค ที่ได้ถูกทิ้งเอาไว้ในสมัยมีการก่อสร้างแฟลตตำรวจ แล้วล่วงเลยมาจนมีเจ้าลีโอ ซึ่งถึงแม้สุนัขทั้งหมดจะเป็นหมาจรจัดที่อยู่ภายในโรงพัก สภ.ชุมแสง แต่ตนก็คอยดูแล และให้อาหารเลี้ยงพวกมันเป็นอย่างดี ส่วนเจ้าลีโอ เป็นสุนัขที่ไม่ดุร้าย ไม่ทำร้ายคน แต่ก็ยอมรับว่า มันมีความซุกซน และเคยไปกัดสิ่งของของใครจนได้รับความเสียหายมาก็บ่อยเช่นกัน แต่ในส่วนเรื่องราวที่เจ้าลีโอถูกคนใจร้ายใช้อาวุธปืนยิงจนได้รับบาดเจ็บนั้น ตนไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใคร แต่ก็อยากจะถามคนทำว่า จิตใจทำด้วยอะไร มันไม่น่าจะควรทำ ถ้ามันไม่ทำอะไรไม่ดีมา ก็น่าจะมารอคุยกันก่อน
“วันนั้น ผมจำได้ดี คือวันที่ 8 มิถุนายน ขณะที่ผมออกเวรมาจากการปฏิบัติงานด้านการจราจร โดยกลับมาถึงแฟลตตำรวจเวลา 11.00 น. ก็พบว่า เจ้าลีโอ นอนหายใจรวยรินหมดแรงอยู่ที่หน้าห้องพักของผม ในสภาพมีรอยบาดแผลถูกยิงที่กลางลำตัวเลือดไหลซึม และภาพตอนนั้น มาดูน่าหดหู่และน่าสงสารเจ้าลีโอมาก มันได้แต่นอนซมและหันหน้ามามองผมให้ช่วยเหลือ ซึ่งผมก็ไม่รีรอ รีบอุ้มพาไปรักษายังคลินิกรักษาสัตว์ทันที แล้วก็พบว่า เจ้าลีโอถูกยิงโดยยังมีลูกตะกั่วฝังในอยู่ แต่โชคดีที่ไม่ถูกจุดสำคัญ และมันยังอดทนจนรอดตายมาได้”
เมื่อถามถึงค่ารักษา ระบุว่า เป็นเงินจากพี่ๆ น้องๆ ตำรวจในโรงพักต่างให้การช่วยเหลือ เป็นเงินจำนวน 4,000 บาท มาจ่ายค่ารักษา ส่วนอาการของมัน ตอนนี้ดีขึ้นมาก แผลจากการถูกยิงเกือบจะหายดีแล้ว แต่ยังคงต้องกินยาฆ่าเชื้อ และยาแก้อักเสบที่สัตวแพทย์จัดให้มาอีกประมาณ 3 วัน แต่ถือว่า ตอนนี้เจ้าลีโอกลับมาร่งเริงจนเป็นปกติ ส่วนเรื่องใครจะเป็นคนทำร้ายสุนัข ตนขอไม่ออกความเห็น
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมแสงหลายๆ นาย ต่างไม่มีการให้ข้อมูล โดยระบุแต่เพียงว่า ไม่ทราบเรื่อง เพิ่งจะมาเห็นว่าเพจเฟซบุ๊กของ “มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์” มีการโพสต์รูปภาพและข้อมูลเอาไว้ จึงต้องรอการตรวจสอบก่อน จึงได้มีการติดต่อไปยังนายสุวัฒน์ จันทร์สุข นายอำเภอชุมแสง ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
นายอำเภอชุมแสง กล่าวเริ่มต้นกับผู้สื่อข่าวว่า เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีการร้องเรียนมากทางอำเภอว่า ในสถานที่ราชการ มีสุนัขจรจัดเยอะ และบ้างครั้งสุนัขจรจัดเหล่านี้ก็ไปกัดคนที่มาติดต่อราชการ จึงได้มีการแจ้งไปยังส่วนราชการต่างๆ ที่อยู่ในรั้วสถานที่เดียวกัน ซึ่งมีทั้งที่ว่าการอำเภอ สถานีตำรวจ และส่วนราชการอื่นๆ รวมถึงยังมีบ้านพักข้าราชการอีกหลายจุด ให้ดำเนินการดูแลสุนัข และสัตว์เลี้ยงให้อยู่จำกัดในพื้นที่ ไม่ให้ออกมาสร้างความเดือดร้อน แต่เรื่องที่ว่า มีการกล่าวหาว่าตนไปยิงสุนัขนั้น ตนขอปฏิเสธ และขอยืนยันว่า ตนไม่เคยทำไรแบบนั้น
เมื่อถามถึงเรื่องภาพนิ่งจากกล้องวงจรปิด ที่มีการกล่าวหาว่าเป็นตัวนายอำเภอ นายสุวัฒน์ กล่าวว่า ในภาพดูคล้ายตน แต่ต้องบอกว่า น่าจะเป็นช่วงที่ตนเดินตรวจความเรียบร้อยในสถานที่ตามปกติ ซึ่งทุกวัน ในทุกๆ เช้า และทุกๆ ตนจะเดินตรวจแบบนี้อยู่ตลอดอยู่แล้ว ก็จะเจอสุนัขจรจัดมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่บ่อยครั้ง บ้างทีก็เจอเป็นฝูง แต่เจ้าลีโอ ตนขอยันอีกทีว่าไม่เคยเห็น และไม่เคยไปทำร้ายด้วยการยิงสุนัขอย่างแน่นอน ซึ่งตนก็รักสัตว์เหมือนกัน เพราะก็มีสุนัขที่เลี้ยงไว้ถึง 2 ตัว
“การที่เพจมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ ไประบุว่า ผมไปบันดาลโทสะ เพราะเจ้าลีโอไปกัดพรมเสียหาย ผมขอบอกว่า ที่ผ่านมาหลายเดือน ทางสถานที่ว่าการอำเภอไม่ได้มีการจัดพิธีอะไรใดๆ ที่ต้องใช้พรม และที่บ้านพักผม ก็มีรั้วรอบขอบชิด ไม่มีพรมวางไว้หน้าบ้านด้วย จึงไม่มีมูลความจริง ซึ่งเรื่องนี้ ผมทราบต้นตอแล้วว่ามาจากภรรยาของตำรวจนายหนึ่งที่เป็นผู้เลี้ยงดูให้อาหารสุนัขจรจัด โดยผมจะมีการเข้าไปพูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจกับบุคคลท่านนั้น และจะไม่มีการฟ้องร้องกลับแต่อย่างใด ส่วนผู้กระทำกับสุนัข คงต้องขอตรวจสอบก่อนอย่างละเอียดก่อน และหากพบผู้กระทำผิด ก็จะว่ากล่าวตักเตือนเท่านั้น” นายอำเภอชุมแสง กล่าวระบุไว้ทิ้งท้าย