นายก ส.ไก่ ฉะ แรมโบ้ อ่านบทสัมภาษณ์ไม่ครบบรรทัด แซะเป็นสมาคมขี้ไก่

Home » นายก ส.ไก่ ฉะ แรมโบ้ อ่านบทสัมภาษณ์ไม่ครบบรรทัด แซะเป็นสมาคมขี้ไก่



นายก ส.ไก่ ฉะ แรมโบ้ อ่านบทสัมภาษณ์ไม่ครบบรรทัด ก็แซะเป็นสมาคมขี้ไก่ ยันมีความเป็นกลาง สวนกลับรู้หรือไม่สมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่ฯได้รับพระมหากรุณาธิคุณก่อตั้งนานถึง 84 ปีสนับสนุนคนไทยให้เลี้ยงไก่สร้างรายได้ซ้ำทำเงินตราเข้าไทยปีละกว่าแสนล้าน

เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2566 นางฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือฉวีวรรณ กรุ๊ป ผู้ส่งออกเนื้อไก่ไทยรายใหญ่ของไทย ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชน หลังถูกนายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ “แรมโบ้ อีสาน” ที่ปรึกษา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและคณะกรรมการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวหาเป็นนายกสมาคมขี้ไก่ จากการออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเรื่องการยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ถือเป็นความหวังที่คนไทยจะได้มีโอกาสได้เลือกอนาคตของตัวเองอีกครั้ง

และยังกล่าวว่า นายกสมาคมขี้ไก่ มัวทำอะไรอยู่ถึงไม่เห็นผลงานของรัฐบาล เช่นเดียวกับเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันที่แบ่งบานเป็นอย่างมากเป็นการกล่าวหาแบบเลื่อนลอยเพราะนายกรัฐมนตรี บริหารงานไม่เคยมีเรื่องด่างพร้อย ไม่เหมือนอดีตรัฐบาลก่อนหน้าที่ดูเหมือนท่านนายกสมาคมขี้ไก่ จะชื่นชอบอีกทั้งยังแซะให้ เริ่มปรับค่าแรงลูกจ้างในสมาคมฯ ให้ได้ 600 บาทต่อวันเพื่อนำร่องให้กับภาคธุรกิจอื่นๆ หลังชื่นชอบนโยบายของพรรคเพื่อไทยนั้น

นางฉวีวรรณ กล่าวว่า การที่ตนออกมาพูดถึงวิกฤตเศรษฐกิจในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาก็เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นว่าจะต้องเลือกคนที่มีความสามารถเข้ามาทำงานและแก้ไขปัญหาในหลายๆ ด้านที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงไปในด้านต่างๆ ของโลก และยืนยันว่าระหว่างการสัมภาษณ์ไม่เคยมีการกล่าวโจมตีพรรคการเมืองหรือบุคคลใด อีกทั้งยังไม่มีการให้สัมภาษณ์เพื่อสนับสนุนพรรคเพื่อไทย จึงเชื่อว่า นายแรมโบ้ อ่านบทสัมภาษณ์ไม่ครบบรรทัด

โดยเฉพาะเรื่องการให้ความเห็นเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 600 บาทว่าหากเกิดขึ้นจริงถือเป็นเรื่องดีแต่ผู้ที่จะเข้ามาบริหารประเทศต้องมีการจัดการกับระบบเศรษฐกิจเพื่อให้ผู้ประกอบการมีกำลังที่จะจ่ายให้กับแรงงานได้ เช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นการชื่นชมหรือสนับสนุนพรรคการเมืองใดเพราะตนเองต้องมีความเป็นกลาง

“ กรณีที่นายแรมโบ้บอกว่าสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่ฯ เป็นสมาคมขี้ไก่ ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรหลุดออกจากปากของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักการเมือง เพราะการจะเป็นสมาคมได้นั้นจะต้องมีการขอจดทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งที่ผ่านมา ฉวีวรรณ ยังไม่เคยจดทะเบียนสมาคมขี้ไก่ แต่หากนาย แรมโบ้ สนใจก็ให้ไปจดทะเบียนเป็นนายกสมาคมคนแรก”

นางฉวีวรรณ ยังแนะนำไปถึง นายแรมโบ้ ว่าก่อนที่จะพูดอะไรให้ศึกษาประวัติและความเป็นมาของสิ่งนั้นให้ชัดเจน ซึ่งสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯจากในหลวง ให้จัดตั้งเป็นสมาคมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ให้มีแนวทางในการพัฒนาด้านการเกษตรที่สามารถสร้างอาชีพเลี้ยงตัวเอง ปัจจุบันสมาคมฯ ได้ก่อตั้งมานานถึง 84 ปี สร้างรายได้จากการส่งออกเนื้อไก่และไข่ไปต่างประเทศไม่น้อยกว่าหลักแสนล้านบาทต่อปี

เช่นเดียวกับกรณีที่ นายแรมโบ้ อ้างว่าธุรกิจของกลุ่มฉวีรรณกรุ๊ป ที่สามารถดำเนินอยู่ได้ตลอดช่วงโควิดระบาด 2 ปีกว่าเป็นเพราะฝีมือของรัฐบาลที่ช่วยทำให้ภาคส่วนต่างๆ สามารถรักษาผลประกอบการและเดินหน้าทำธุรกิจได้นั้น ถือเป็นเรื่องที่รู้ไม่จริงและไม่มีความเข้าใจในการดำเนินธุรกิจ เพราะการที่ภาคเอกชนจะอยู่รอดได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของตนเอง ทั้งในเรื่องการผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการและให้เป็นไปตามมาตรการด้านความปลอดภัยของอาหาร (Food Safety)ที่ประเทศคู่ค้ากำหนดไว้

อีกทั้งยังต้องใช้เงินทุนมหาศาลและระบบการจัดการที่ดีเพราะหากผลิตสินค้าไม่ได้มาตรฐานและมีสารปนเปือนสินค้าทั้งหมดจะถูกตีกลับ โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ที่ผู้ประกอบการต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักแต่รัฐบาลกลับยื่นมือช่วยเหลืออย่างไม่เต็มที่ โดยเฉพาะในเรื่องเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำที่จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถเดินต่อไปได้จนทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต้องหยุดดำเนินการ

ส่วนกรณีที่ คุณแรมโบ้ บอกให้ธุรกิจของบริษัทปรับค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทให้ได้ก่อนเพื่อนำร่องให้ผู้ประกอบการอื่นๆ หากชื่นชอบนโยบายของพรรคเพื่อไทยนั้น ขอบอกวันนี้ ฉวีวรรณกรุ๊ป จ่ายค่าแรงให้กับแรงงานแบบเหมาจ่ายได้สูงถึง 1,000 บาทต่อวันและเป็นเช่นนี้มานานแล้ว ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะชื่นชอบนโยบายของพรรคการเมืองใด แต่เป็นการจ่ายค่าแรงตามความสามารถของแรงงานที่มีทักษะฝีมือซึ่งบริษัทฯ ได้สนับสนุนให้บุคคลเหล่านี้ได้มีการพัฒนาตนเองมาโดยตลอด

ไม่เพียงเท่านั้นในแต่ละปี ฉวีวรรณ กรุ๊ป ยังว่าจ้างนักศึกษาจบใหม่ในสายงานที่ตรงกับความต้องการของบริษัทเป็นจำนวนมากเพื่อให้บัณฑิตเหล่านี้ไม่ต้องเดินทางไปทำงานนอกพื้นที่และยังเป็นการช่วยกันพัฒนาธุรกิจให้สามารถเลี้ยงตนเองและแรงงานได้

และในกรณี นายแรมโบ้ บอกว่าประเทศไทยได้รับการยกย่องจากองค์การอนามัยโลกในการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 และการให้บริการสาธารณสุขที่ทั่วถึง ซึ่งนายกสมาคมขี้ไก่ มัวทำอะไรอยู่ถึงไม่เห็นผลงานของรัฐบาลนั้น

นางฉวีวรรณ เผยว่าเป็นคนละเรื่องและคนละประเด็นกับที่ตนเองพูดถึงเรื่องระบบสาธารณสุขไทย เพราะเป็นการเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลเรื่องสถานพยาบาล เครื่องมือทางการแพทย์ และบุคลากรในถิ่นธุรกิจกันดารให้ประชาชนได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง

“ที่กล้าพูดได้ในเรื่องระบบสาธารณสุขในถิ่นทุรกันดาร ก็เพราะในแต่ละปีจะลงพื้นที่ต่างๆ ไปช่วยเหลือและสนับสนุนชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกล ทั้งการสนับสนุนเงินก่อสร้างสถานที่ มอบอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ดังนั้นการที่นายแรมโบ้ พูดถึงเรื่องการจัดการโควิดถือเป็นคนละเรื่องกัน เช่นเดียวกับเรื่องระบบการศึกษา ที่บอกว่าตกต่ำเพราะการเป็นคณะกรรมการสถานศึกษาในกรุงเทพฯ ทำให้ได้เห็นการศึกษาของเด็กไทยว่าในวันนี้จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันกับความเปลี่ยนแปลงไปของโลก” นางฉวีวรรณ กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ