นายกฯ ฉุน แก้ไขปัญหาหมูเถื่อนช้า ถามกลางวงประชุม “รู้ตัวรายใหญ่แล้ว ทำไมเข้าไม่ถึงตัว” ด้านอธิบดีดีเอสไอ ยืนยันเร่งดำเนินคดีทั้งคนนำเข้า นายทุน และห้องเย็น พร้อมตรวจสอบย้อนหลัง พบลักลอบนำเข้ากว่า 2,800 ตู้ หากเชื่อมโยงถึงใครดำเนินคดีทุกคน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรรณภูมิ เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 12 – 19 พ.ย.66 ณ นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยจะเดินทางถึงนครซานฟรานซิสโกในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 14.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ โดยเวลาที่นครซานฟรานซิสโกช้ากว่าเวลาที่กรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง)
โดยก่อนเดินทางนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องหัวเถื่อนทั้งส่วยทางหลวงและมาตรการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ที่ห้องรับรองของท่าอากาศยาน โดยเป็นลักณะประชุมทีละวง เริ่มจากปัญหาเรื่องส่วยรถบรรทุก ซึ่งมีพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มารายงานความคืบหน้า และหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้หารือกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษและนายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ซึ่งในการหารือครั้งนี้นายกรัฐมนตรีมีท่าทีไม่พอใจที่การแก้ไขปัญหาลักลอบนำเข้าหมูล่าช้า ซึ่งบางช่วงบางตอน นายกรัฐมนตรี ได้พูดในวงประชุมว่า
“ผมเชิญท่านมาพบที่ทำเนียบแล้วรอบหนึ่ง ทำไมช้าจัง จัดการให้มันเร็วหน่อยได้ไหม มันจับมาได้ตั้งเยอะแยะแล้ว ทำไมไม่สั่งการซักทีนึง ผมสั่งการไปแล้วก็ไม่ทำ หาตัวรายใหญ่ได้แล้ว แต่เข้าถึงตัวไม่ได้สักที ตอนนี้มีกี่ราย ตอนนี้จับมามีกี่ราย 10 รายใช่ไหม”
ภายหลังการหารือ พ.ต.ต. สุริยา เปิดเผยว่า ดีเอสไอรับผิดชอบดำเนินคดีในส่วนของกลาง ที่กรมศุลกากรสามารถตรวจยึดและส่งมาให้จำนวน 161 ตู้ โดยแบ่งกลุ่มผู้กระทำความผิด 3 กลุ่ม คือ 1. บริษัทนำเข้า จึงได้ดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหา จับกลุ่มไปแล้วจำนวน 6 ราย 2.กลุ่มนายทุน ที่เป็นคนสั่งให้กลุ่มมี่ 1. นำหมูเข้าไทย
ซึ่งเราได้ออกหมายจับ 2 บริษัท โดยขณะนี้ผู้ต้องหาหลบหนีไปต่างประเทศ และได้ประสานเรื่องขอเข้ามอบตัวภายในวันที่ 13 พ.ย.66 และ3. กลุ่มผู้ดูแลเรื่องห้องเย็นที่ได้กระจายนำหมูเถื่อนไปแช่ที่ต่างๆอยู่ทั่วประเทศ ในส่วนของการดำเนินคดี นายกรัฐมนตรีกำชับตนว่า ให้มีการดำเนินการอย่างเด็ดขาด และให้ดำเนินการอย่างครอบคลุมด้านกฎหมาย เรื่องพรบ.ศุลกากร, พรบ.โรคระบาด และเรื่อง ฟอกเงินร่วมด้วย ในเบื้องต้นทางดีเอสไอได้รับข้อสั่งการ และจะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ภายในสัปดาห์นี้และสัปดาห์ถัดไป
ส่วนเรื่องการทำงานแบบบูรณาการ ขณะนี้ ทางดีเอสไอได้รับข้อมูลข่าวสารมาจากประชาชนทั่วไปว่าอาจจะมีการซุกซ่อนของเถื่อนตามตู้เย็นต่างๆ ดีเอสไอจึงได้ประสานงานกับทางตำรวจภูธรจังหวัด ร่วมกับกรมปศุสัตว์ กรมศุลกากร เพื่อดำเนินการปูพรมตรวจค้น ตามที่ได้รับเบาะแส ซึ่งขอเรียนว่า ของกลางที่ดีเอสไอได้รับมา จำนวน 161 ตู้ แต่เมื่อเราได้สืบค้นต่อไปพบว่า ตั้งแต่ปี 2563-2566 กลุ่มขบวนการนำเข้าได้มีการลักลอบนำเข้าเศษชิ้นส่วนซากสัตว์ มาก่อนหน้านั้นแล้วจำนวน 2,836 ตู้ ซึ่งเรากำลังสอบสวนว่ามีใครเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวบ้าง และเรื่องนี้ดีเอสไอจะดำเนินการให้ถึงที่สุด
ในด้านการดำเนินเราได้มีการเร่งรัดตามที่เรียนแล้วว่าภายในสัปดาห์นี้ ผู้ต้องหาในกลุ่มที่ 2 จะมีการเข้ามอบตัว โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับ ให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการอย่างถึงที่สุดไม่มีละเว้น อย่างไรก็ตามผู้ต้องหากลุ่มที่ 2 ไม่ว่าจะเป็นนายทุนเจ้าใหญ่ ที่มีคำสั่งซื้อให้บริษัทชิปปิ้งนำเข้าหมูเถื่อนสู่ประเทศไทย ถือว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีบทบาท เพราะมีการรับคำสั่งซื้อมาจากผู้สั่งที่เป็นรายย่อยทั่วประเทศ ซึ่งเป็นตัวกลางที่ทำให้เนื้อเถื่อนหมูกระจายทั่วทุกภูมิภาค