นายกฯ ขอแยกแยะการใช้งบฟื้นฟูประเทศ กรณีถูกวิจารณ์ทุ่มเงินจ้าง “ลิซ่า BLACKPINK” ร่วมงานเคานต์ดาวน์ภูเก็ต
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงการขออนุมัติงบฯ กลาง วงเงินกว่า 100 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างศิลปิน คือ ลิซ่า BLACKPINK ศิลปิน K-pop สัญชาติไทย และ แอนเดรีย โบเชลลี (Andrea Bocelli) นักร้องโอเปร่ามือหนึ่ง ร่วมงานเคานต์ดาวน์ 2022 ว่า ยังไม่มีการเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม ครม.
แต่จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร จังหวัดกระบี่ ในวันที่ 15-16 พฤศจิกายน โดยยืนยันว่าศิลปินทางกระทรวงท่องเที่ยวได้เชิญมาร่วมงานเป็นทั้ง 2 รายชื่อ ที่มีการเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรขอดูสัญญาในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ก่อน
ทั้งนี้ นายพิพัฒน์ ยังกล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการใช้งบประมาณว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่นั้น ยืนยันว่า จะเกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและสังคม มั่นใจว่าเชิญทั้ง2 คนมาในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ซึ่งโครงการนี้จะจัดร่วมกับภาคเอกชน โดยให้เอกชนเป็นสปอนเซอร์ ส่วนจะมีการโปรโมทประเทศไทยในรูปแบบอื่นๆ หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ต้องหารือกันต่อไป
- ททท.ยังรอ “ลิซ่า” คอนเฟิร์มมาเคานต์ดาวน์ภูเก็ต ย้ำล็อกคิวไว้แล้ว มั่นใจดีลไม่มีปัญหา
ล่าสุด นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีรัฐบาลเตรียมทุ่มงบประมาณหลายร้อยล้านบาทในการจ้าง “ลิซ่า แบล็กพิงก์” และ “แอนเดรีย บอกเซลลี” มาร่วมงานเคานต์ดาวน์ปีใหม่ ที่ประเทศไทย จนถูกวิจารณ์ว่าใช้งบประมาณไม่เหมาะสม
ระบุว่า นายกรัฐมนตรีขอให้แยกแยะว่า ใช้งบประมาณในการช่วยเหลือ ฟื้นฟู ด้านอื่นๆ ไปอย่างไร ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงว่า งบประมาณที่ใช้ได้เพิ่มเติมในช่วงที่ผ่านมาจากการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ จนมีผลประกอบการดีขึ้น ดังนั้นต้องเร่งโปรโมทการท่องเที่ยว และยกระดับการท่องเที่ยวทั้งในไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย
นอกจากนี้ นายธนกร ยังตอบคำถามกรณี ที่มีพระสงฆ์ ยังคงไปกราบไหว้และรับฟังคำสอนจากนายวินัย ละอองสุวรรณ หรือ อดีตพระยันตระ ทั้งที่ไม่ใช่พระสงฆ์แล้ว ว่า ได้มอบหมายให้ตรวจสอบว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามวินัยสงฆ์หรือไม่ ตั้งแต่วันที่ทราบข่าวแล้ว
ส่วนกรณีสำนักข่าวต่างประเทศนำเสนอข่าวว่ามีถุงมือยางใช้แล้วถูกส่งจากไทยไปสหรัฐฯ ว่า เรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ได้มอบหมายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว
นายธนกร ยังได้ กล่าวถึงการเตรียมรับมือการชุมนุมใหญ่ 31 ต.ค. นี้ รวมถึงปัจจัยแทรกซ้อนที่จะนำไปสู่ความรุนแรง เช่น กลุ่มทะลุแก๊ส นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนที่เกี่ยวข้อง เพราะช่วงเวลานี้มีภารกิจสำคัญอยู่มากมายที่จำเป็นต้องช่วยกันรักษาเสถียรภาพทางการเมืองและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทางราชการและประชาชน จึงขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง