นับถอยหลังดาวเคราะห์น้อยหวิดชนโลก! ผงะเพิ่งพบ-ส่อเฉียดใกล้กว่าดาวเทียม

นับถอยหลังดาวเคราะห์น้อยหวิดชนโลก! – วันที่ 26 ม.ค. บีบีซีรายงานว่า ดาวเคราะห์น้อยขนาดเท่ารถบัสกำลังพุ่งเข้าใกล้โลกโดยจะผ่านโลกไปในระยะเฉียดฉิวเพียง 3,600 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าใกล้ยิ่งกว่าวงโคจรดาวเทียม สร้างความแตกตื่นเนื่องจากเพิ่งค้นพบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ได้ชื่อรหัสว่า 2023บียู จะพุ่งเฉียดโลกบริเวณทางใต้ของทวีปอเมริกาใต้ด้วยระยะห่างไปเพียง 3,600 กม. สะท้อนความจริงที่ต้องยอมรับว่ายังมีวัตถุในอวกาศที่มีขนาดใหญ่ที่บรรดานักวิทยาศาสตร์และระบบเฝ้าระวังยังค้นไม่พบ

การค้นพบดาวเคราะห์น้อย 2023บียู เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเท่านั้น เป็นนักดาราศาสตร์ทราบชื่อว่านายเกนนาดีย์ โบริซอฟ ในแคว้นไครเมีย ของประเทศยูเครน ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซียตั้งแต่ปี 2557

การค้นพบข้างต้นทำให้นักวิทยาศาสตร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประเมินขนาดและทิศทางของดาวเคราะห์น้อย 2023บียู ก่อนจะพบว่ามีขนาดประมาณรถบัสและจะพุ่งเฉียดโลกไปในระยะที่เรียกได้ว่า “หวุดหวิด” ตรงกับเวลา 00.27 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนิช หรือเวลา 07.27 น. ของวันพรุ่งนี้ (27 ม.ค.) ตามเวลาประเทศไทย

นักวิทยาศาสตร์ แสดงความมั่นใจว่า ดาวเคราะห์น้อย 2023บียู จะพุ่งผ่านพ้นโลกไปแน่นอน แม้ทิศทางการโคจรจะฝ่าเข้ามาในวงโคจรดาวเทียมซึ่งอยู่ที่ความสูง 36,000 กม. คาดว่าโอกาสที่จะชนกับดาวเทียมนั้นมีน้อย

อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์คะเนความเสียหายจากการพุ่งชนโลกของดาวเคราะห์น้อย 2023บียู ว่าจะสร้างความเสียหายเพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่เกิดความเสียหาย เนื่องจากมีขนาดกว้าง 3.5 และยาว 8.5 เมตรเท่านั้น จึงคาดว่าจะลุกไหม้และสลายเป็นจุลไปในชั้นบรรยากาศ ซึ่งจะสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเป็นเหมือนดอกไม้ไฟกลางท้องฟ้า

องค์การบริหารการบินและอวกาศสหรัฐอเมริกา หรือนาซ่า ระบุว่า ดาวเคราะห์น้อย 2023บียู ซึ่งมีวงโคจรรอบดวงอาทิตย์จะมีวงโคจรที่เปลี่ยนไปหลังพุ่งเฉียดโลก เนื่องจากแรงดึงดูดของโลก ผู้สนใจสามารถติดตามแบบสดๆ ได้ผ่านเว็บไซต์ยูทูบ

“ก่อนหน้านี้ ดาวเคราะห์น้อย 2023บียู โคจรรอบดวงอาทิตย์ โดยมีวงโคจรเกือบเป็นวงกลมและใช้เวลา 359 วันต่อรอบ แต่หลังจากพุ่งมาเฉียดโลกครั้งนี้จะทำให้วงโคจรนั้นแคบลงเป็นวงรี กลายเป็นใช้เวลา 425 วันต่อรอบ” แถลงการณ์นาซ่า ระบุ

รายงานระบุว่า นักวิทยาศาสตร์และหน่วยงานด้านอวกาศที่เกี่ยวข้องนั้นมีความพยายามออกแบบระบบเฝ้าระวังผ่านการค้นหาและติดตามวัตถุอวกาศที่มีขนาดใหญ่พอจะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงหากชนโลก

โดยดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ที่น่ากังวลจะเป็นระดับเส้นผ่านศูนย์กลาง 12 กม.ขึ้นไป ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ในอดีต แต่นักวิทย์เชื่อมั่นว่าดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ระดับนี้นั้นถูกค้นพบหมดแล้ว

สำหรับขนาดลดหลั่นลงมาเป็นระดับเส้นผ่านศูนย์กลาง 150 เมตร เป็นระดับที่นาซ่าและนักวิทยาศาสตร์ยังคงพยายามค้นหาและติดตามให้ครบอยู่

ทั้งนี้ ตามสถิติแล้วคาดว่า มีดาวเคราะห์น้อยระดับเส้นผ่านศูนย์กลาง 150 เมตร ประมาณร้อยละ 40 ที่มีความเสี่ยงชนโลกอยู่ภายใต้การติดตามของนักวิทยาศาสตร์ โดยหากพุ่งเข้าชนนั้นจะสร้างความเสียหายระดับที่จะบดขยี้มหานครใหญ่ได้ทั้งเมือง