พบศพนักศึกษาหายตัวกลางป่าดอยสุเทพเกือบ 3 วัน แม่จุดธูปตบพื้น 3 ที ก่อนพบร่างบนโขดหินห่างจากจุดหายตัว 500 เมตร ส่วนเพื่อนถูกจับดำเนินคดีข้อหาเสพไอซ์
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (13 ก.ค.64 ) ทีมกู้ภัยอุทยานแห่งชาติ ร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วย รวมกว่า 100 นาย ระดมกำลังออกค้นหา นายโกวิทย์ อายุ 22 ปี เป็นวันที่ 3 หลังพลัดหลงขณะขึ้นไปเที่ยวชมธรรมชาติกับเพื่อน บริเวณลำธารใต้สะพานขาว อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 11 กรกฏาคม ที่ผ่านมา
ขณะที่ช่วงเช้าวันนี้นางนภัสนันท์ อายุ 50 ปี แม่ของนายโกวิทย์ ได้นำดอกไม้ธูปเทียนเดินเข้าไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณจุดที่หายตัวไป โดยขอให้ลูกชายปลอดภัยและขอให้ออกมาจากป่าได้โดยเร็ว แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมงก็ต้องพบกับข่าวร้าย เมื่อมีรายงานจากเจ้าหน้าที่ทีมค้นหาว่าพบร่างของนายโกวิทย์นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตบนโขดหินในป่า ห่างจากสะพานขาวไปทางทิศเหนือประมาณ 500 เมตร สภาพศพอยู่สวมเสื้อแขนสั้นสีน้ำเงิน เปลือยกายท่อนล่าง เบื้องต้นไม่พบร่องรอยบาดแผลจากการถูกทำร้าย คาดเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมง
ทีมกู้ภัยกว่า 20 คนได้นำเปลเข้าไปนำร่างของนายโกวิทย์ออกมาจากป่า ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง เนื่องจากสภาพเส้นทางสูงชัน ก่อนนำร่างลงมาท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของมารดาและเพื่อน ๆ ที่มารอรับ โดยเจ้าหน้าที่ได้นำศพส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แผนกนิติเวชโรงพยาบาลมหาราช ส่วนมารดาไม่ให้สัมภาษณ์สื่อ
ส่วนเพื่อนชายอายุ 22 ปี ที่ไปด้วยกันกับนายโกวิทย์ มีรายงานว่าตำรวจนำไปตรวจนร่างกายพบสารเสพติดและถูกดำเนินคดีข้อหาเสพยาเสพติด (ไอซ์) โดยให้การกับตำรวจว่าชวนนายโกวิทย์ไปเล่นน้ำชมธรรมชาติ ขณะนั้นเห็นคนแอบถ่ายคลิป จึงเข้าไปห้าม แต่เมื่อกลับมาก็พบว่านายโกวิทย์หายตัวไปแล้วจึงเดินทางกลับ คิดว่านายโกวิทย์จะกลับไปก่อนหน้า แต่ก็ไม่เจอ จึงย้อนกลับมาแจ้งเจ้งหน้าที่ให้ช่วยค้นหา ก่อนมาพบว่าเสียชีวิต
ด้านนายเกรียงศักดิ์ ถนอมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ที่เดินทางไปอำนวยการค้นหาในช่วงเช้า บอกว่า ช่วงนี้อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ปิดการท่องเที่ยวในช่วงโควิด-19 แต่อาจมีนักท่องเที่ยวบางคนที่เข้าไปเที่ยวชมธรรมชาติ ที่ผ่านมาทางอุทยานมีเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนเพื่อประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยว เนื่องจากช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝนและเส้นทางธรรมชาติมีอันตราย หลังจากนี้จะเพิ่มความเข้มงวดให้มากขึ้น โดยจะให้เจ้าหน้าที่อุทยานทุกแห่งร่วมกับตำรวจทหารลาดตระเวนพื้นที่อย่างเข้มข้นเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแบบนี้อีก