นักวิทย์จีนพบไวรัสโคโรนาตัวใหม่ GX-P2V ทดลองกับหนูพบว่าเชื้อโจมตีสมองโดยตรง อัตราการตาย 100%
สำนักข่าวเดลีเมลล์ของอังกฤษ ได้รายงานข่าวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ของทีมนักวิจัยชาวจีน จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีชีวภาพชั้นนำในกรุงปักกิ่ง พวกเขาได้ค้นพบไวรัสที่มีความสามารถในการกลายพันธุ์สูง มีชื่อรหัสว่า GX-P2V ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับไวรัสโคโรนา
การทดลองกับหนูพบว่า เชื้อไวรัสนี้มีความรุนแรงสูง สามารถทำให้หนูตายภายในเวลาเพียง 8 วัน ด้วยอัตราการตายถึง 100% นอกจากนี้ ยังพบว่าเชื้อไวรัสนี้สามารถทำลายสมองโดยตรงซึ่งถือว่าเป็นการเสียชีวิตที่เร็วมากและน่าตกใจ
นักวิทยาศาสตร์ทีมนี้ยังได้สังเกตว่า มีปริมาณเชื้อจำนวนมากในสมองและดวงตาของหนูที่ถูกทดลอง แม้ว่าเชื้อ GX-P2V จะมีลักษณะทางพันธุกรรมที่ใกล้เคียงกับเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ก็มีความแตกต่างในด้านการแบ่งตัวและการแพร่กระจายในร่างกาย
การทดลองนี้มีความสำคัญเนื่องจากหนูมีการผลิตโปรตีนที่คล้ายคลึงกับมนุษย์ ทำให้ผลที่ได้จากการทดลองในหนูอาจสะท้อนถึงผลที่อาจเกิดขึ้นกับมนุษย์ได้ อย่างไรก็ตาม รายงานการทดลองนี้ยังไม่ได้เปิดเผยแก่สาธารณะ และไม่ได้ระบุช่วงเวลาที่ทดลองเกิดขึ้นอย่างชัดเจน
น่าสนใจว่า ไวรัส GX-P2V นี้ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 2017 จากตัวนิ่มในมาเลเซีย ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าตัวนิ่มเป็นแหล่งรวมของเชื้อไวรัสโคโรนาหลายชนิด และมีความเป็นไปได้ว่าตัวนิ่มเหล่านี้อาจเป็นตัวกลางในการส่งเชื้อไปยังค้างคาวและสุดท้ายถึงมนุษย์
ทีมนักวิทยาศาสตร์จากจีนได้ทำการโคลนเชื้อ GX-P2V และเก็บรักษาไว้ในห้องแล็บที่กรุงปักกิ่ง พบว่า เชื้อนี้มีการกลายพันธุ์เกิดขึ้น ก่อนที่จะถูกนำมาทดลองในหนู แต่ไม่มีการระบุชัดเจนว่าการทดลองดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อใด
ด้านศาสตราจารย์ ฟรองซัวส์ บัลลูซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อจากมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน ได้แสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์ว่า “เป็นการศึกษาที่แย่มาก ไร้จุดหมายทางวิทยาศาสตร์โดยสิ้นเชิง” โดยเขายังชี้ให้เห็นถึงความไม่เป็นประโยชน์ของการทดลองนี้ และแสดงความกังวลว่าการทดลองเช่นนี้อาจนำไปสู่ความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
การค้นพบและการทดลองกับไวรัส GX-P2V ที่ปักกิ่งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ แต่ในขณะเดียวกันก็เปิดเผยถึงความเสี่ยงและความจำเป็นในการดำเนินการวิจัยอย่างรอบคอบและรับผิดชอบ ในยุคที่โลกต้องเผชิญกับการระบาดของโรคต่างๆ ความระมัดระวังและการพิจารณาทางวิทยาศาสตร์อย่างรอบคอบจึงมีความสำคัญยิ่งต่อการปกป้องสุขภาพของมวลมนุษยชาติในอนาคต