จากกรณี ด.ญ. นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนสตรีพัทลุง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2565 ณ บ้านพักของเด็กในพื้นที่ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ขณะที่นางสาวจรรยา ชูเมฆ หัวหน้ากลุ่มงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ออกเปิดใจครั้งแรกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางโรงเรียนได้เตรียมการความช่วยเหลือนักเรียนคนดังกล่าวไว้พร้อมแล้ว ทำไมหนูจึงไม่ยืนมือให้ครู เหลืออีกนิดเดียวครูกำลังยื่นมือให้หนูจับแล้ว ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
วันที่ 30 พ.ค. 65 ที่หน้าโรงเรียนสตรีพัทลุง กลุ่มปลอบขวัญ จำนวน 5 คน ภายใต้การนำของ นายสหพร ทิพย์จำนง อายุ 54 ปี ราษฎร ต.ควนขนุน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และนางสายสุภาพร สงชู อายุ 41 ปี ชาว ต.หานโพธิ์ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง เดินทางมาร้องเรียนปัญหาความไม่เป็นธรรมในโรงเรียน โดยมีนายประสิทธิชัย หนูนวล นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษย์ชนคนดังเข้าร่วมด้วย โดยมี พ.ต.ท.นาถพล บุญสนิท รอง ผกก.(ป) สภ.เมืองพัทลุง นำ ตร.ทั้งในและนอกเครื่องแบบมาคอยรักษาความสงบเรียบร้อย แต่เหตุการณ์ก็ยุติด้วยดี
น.ส.สุภาพร กล่าวว่า การมาครั้งนี้ต้องการรับทราบความคืบหน้าการสอบปากคำเพื่อนของผู้ตาย ประมาณ 4-5 ราย นั้น ทำไมไม่นำผู้ปกครองมาฟังการสอบปากคำด้วย มีเพียงคณะคณะกรรมการที่โรงเรียน และสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษาฯตั้งขึ้น ภาคประชาสังคม และมีนักจิตวิทยาเข้าร่วมด้วย ซึ่งทางผู้บริหารสถานศึกษา และ น.ส.จรรยา ไม่สมควรที่จะเข้ามาอยู่ในกระบวนการสอบสวนหาข้อเท็จจริงด้วย และครูไม่ควรทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองนักเรียนเสียเอง
น.ส.สุภาพร กล่าวต่อว่า เรื่องที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่าการเหลื่อมล้ำทางการศึกษามีจริงในประเทศไทย ในส่วนของผู้เสียชีวิตนั้นมีความมุ่งมั่นที่จะศึกษาในสถานที่ดี มีสิ่งแวดล้อมที่ดี แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ และเด็กคนดังกล่าวต้องการทุ่งจะศึกษาต่อด้านจิตรแพทย์ เพราะเขารู้ตัวว่าครอบครัวของเขามีปัญหา จึงต้องการแก้ปัญหาให้กับตัวเองและสังคม แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้
ส่วนการหาข้อเท็จจริงที่ จ.สงขลา เป็นหน้าที่ของโรงเรียนมิใช่เป็นหน้าที่ที่พวกตนจะเข้าไปหาข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว และเป็นเรื่องของกระทรวงศึกษาธิการที่จะสอบสวนหาข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตัวแทนกลุ่มปลอบขวัญได้อ่านบทกวี ไม่มีใครปลอบขวัญ อีกด้วย ในขณะที่ น.ส.สุภาพรฯ ได้อ่านข้อเสนอและเรียกร้อง ประกอบด้วย (1) ให้ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีพัทลุง และครูจรรยา ฯ ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่จนกว่าผลการสอบสวนของคณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎรจะแล้วเสร็จ (2) รมว.กระทรวงศึกษาธิการ ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เป็นกลาง เพื่อป้องกันปัญหาช่วยเหลือกันระหว่างพรรคพวก โดยให้ภาคประชาสังคมเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย