นฤมล คาดบาทอ่อนต่อ หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย ค้านแทรกแซง จี้เอกชนสกัดความเสี่ยง

Home » นฤมล คาดบาทอ่อนต่อ หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย ค้านแทรกแซง จี้เอกชนสกัดความเสี่ยง



นฤมล คาดบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่อง หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย ค้านรัฐบาล เข้าไปแทรกแซงค่าเงินโดยตรง แนะเอกชนศึกษาและป้องกันความเสี่ยง

วันที่ 3 พ.ย. 2565 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรมช.แรงงาน โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงความเคลื่อนไหวการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Federal Open Market Committee (FOMC) เป็นไปตามคาดที่มีมติขึ้นดอกเบี้ย +0.75% เป็น 4.00% โดยขึ้นครั้งละ +0.75% เป็นครั้งที่สี่ หลังจากเคยขึ้นมาแล้วเมื่อ 16 มิ.ย., 27 ก.ค., 21 ก.ย. และ 2 ครั้งก่อนหน้าก็ขึ้นดอกเบี้ยไป +0.25% เมื่อ 17 มี.ค. และ +0.5% เมื่อ 5 พ.ค.

สะท้อนว่า ในเวลาเพียงแค่ 6 เดือน FOMC มีมติปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยไปแล้วถึง +3.75% ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายขยับขึ้นมาจาก 0.25% เป็น 4.0% แล้ว และยังคงส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีก เพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ แต่คาดว่า จากนี้ไป คงขึ้นครั้งละไม่มากเท่านี้ น่าจะเป็นครั้งละ +0.25 ถึง +0.5% และอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะไปแตะระดับสูงสุดปีหน้าที่ประมาณ 4.75% ถึง 5.0%

ภารกิจหลักของธนาคารกลางสหรัฐ คือ รักษาเสถียรภาพของราคา และดูแลตัวเลขการจ้างงานให้อยู่ในระดับที่สูง ดังนั้น ในช่วงที่เศรษฐกิจเร่งตัวขึ้นแรงไป อัตราเงินเฟ้อสูง จะขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดความร้อนแรง เช่น ช่วงปี 2015-2018 มีการขึ้นดอกเบี้ยรวม +2.25% หรือช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว อัตราการว่างงานสูง จะลดดอกเบี้ย อย่างปี 2019-2020 มีการลดดอกเบี้ยร่วม -2.25% เพื่อประคองตัวเลขการจ้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

ล่าสุดวันนี้ มีการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) คาดขึ้นดอกเบี้ย +0.75% เป็น 3.00% สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย มีกำหนดประชุมอีกครั้งเดือนพ.ย. คาดว่าจะทยอยขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% หากจำเป็น

เมื่อสหรัฐฯ ยังขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง สกุลเงินอื่นย่อมอ่อนค่าลง มากน้อยเป็นไปตามอัตราดอกเบี้ยส่วนต่าง และอุปสงค์อุปทานในตลาด เงินบาทน่าจะอ่อนค่าลงอีก ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการดูแลแบบรอบคอบอยู่แล้ว ไม่ให้ค่าเงินบาทผันผวนมากเกินไป

สำหรับผู้ประกอบการที่มีความเสี่ยงจากความผันผวนของของค่าเงินบาท ไม่ควรเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามารับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะเราไม่ควรแทรกแซงค่าเงินโดยตรง หากไม่จำเป็น และไทยเราเคยมีประสบการณ์การแทรกแซงค่าเงินจนเกิดความสูญเสียจำนวนมากมาแล้วในอดีต ภาคเอกชน ควรศึกษาและป้องกันความเสี่ยง โดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันกำกับดูแลไม่ให้ต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงสูงเกินไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ