ธนาธร ลั่นไม่ทำวันนี้แล้วจะทำวันไหน? ชี้ 17 ปี กลุ่มอนุรักษ์นิยม บดขยี้ประชาชนอย่างหนัก เวลานี้ไม่ต้องเจียมเนื้อเจียมตัวแล้ว
วันที่ 28 เม.ย.2566 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ระบุว่า ไม่ทำวันนี้แล้วจะทำวันไหน?
นับตั้งแต่วันที่ปี่กลองเลือกตั้งดังขึ้น พรรคก้าวไกล ถูกกล่าวถึงเป็นนัยๆ เสมอว่าเป็นพรรคสุดโต่ง ใจร้อน ไม่มีวุฒิภาวะ ไม่ยอม “กินข้าวทีละคำ” ทำไมไม่แก้ปัญหาปากท้องก่อนแล้วค่อยแก้เรื่องการเมืองทีหลัง ฯลฯ
อีกเพียงสองสัปดาห์กว่าๆ เรากำลังจะมีการเลือกตั้งที่จะกำหนดอนาคตของประเทศไทยว่าจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร สำหรับผมแล้ว สิ่งที่พรรคก้าวไกลเสนอคือคำตอบที่สมเหตุสมผลที่สุด เมื่อเราย้อนดูสิ่งที่เกิดขึ้นในรอบ 17 ปีที่ผ่านมา
การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 สำหรับผมคือต้นเหตุของความขัดแย้งทางการเมืองในสังคมไทยปัจจุบัน และเป็นต้นเหตุของบ้านเมืองที่บิดเบี้ยวผิดปกติทุกวันนี้ โดยกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ไม่ต้องการเห็นประชาธิปไตยเติบโต ไม่อยากเห็นสังคมไทยเปลี่ยนแปลง ต้องการให้ประเทศไทยอยู่เหมือนเดิม เพื่อรักษาประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการครองอำนาจของพวกเขาต่อไปให้ได้ตราบนานเท่านาน
ตลอดเวลา 17 ปีที่ผ่านมา กลุ่มอนุรักษ์นิยมมีความกล้าหาญ พร้อมทำทุกอย่างตามความคิดความฝันของพวกเขา จะนำพาสังคมไทยย้อนยุคย้อนเวลาไปขนาดไหนก็ไม่เกรงกลัวเห็นหัวประชาชนคนที่เป็นเจ้าของประเทศ จะบดขยี้พลังประชาธิปไตยแค่ไหนก็พร้อมที่จะทำอย่างไม่เคยเกรงใจเห็นหัวประชาชน
เพื่อบรรลุความฝันของพวกเขา ฝ่ายอนุรักษ์นิยมยุบพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยไปแล้วถึง 4 ครั้ง ล้อมปราบประชาชนกลางเมืองหลวงจนมีคนบาดเจ็บล้มตายมหาศาล และกล้าถึงขั้นประกาศว่าจะแช่แข็งประเทศไทยไป 20 ปี กล้าหาญที่จะจับคนรุ่นใหม่ที่กล้าพูดความจริงที่พวกเขาไม่อยากรับฟัง ไปเข้าคุกเข้าตาราง
เวลาฝ่ายอนุรักษ์นิยมปรารถนาจะบดขยี้ประชาชน พวกเขาไม่เคยเกรงใจประชาชน
ผ่านมา 17 ปี สิ่งที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมทำกับสังคมไทยและประชาชนคนไทยทั้งหลาย ได้นำพาพวกเขามาสู่จุดตกต่ำที่สุด ทั้งในทางการเมือง และที่สำคัญที่สุดคือในทางวัฒนธรรม เรื่องเล่าแห่งชาติของพวกเขาถูกเชื่อน้อยลงทุกวันๆ
ไม่มีช่วงเวลาไหนใน 17 ปีที่ผ่านมาที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะอ่อนแรงขนาดนี้ ไม่มีช่วงเวลาไหนใน 17 ปีที่ผ่านมาที่ประชาชนจะปรารถนาการเปลี่ยนแปลงขนาดนี้ นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดที่เราจะสามารถทำให้ประชาธิปไตยหยั่งรากลงลึกในสังคมไทยแล้ว
นี่ไม่ใช่เวลาของการเจียมเนื้อเจียมตัว คิดเล็กคิดน้อย แต่เป็นเวลาของความกล้าคิดอย่างทะเยอทะยาน
คำถามของผมคือ ถ้าไม่ทำวันนี้แล้วจะทำวันไหน?
บรรดาคนที่ชวนให้สังคมไทยต้องกินข้าวทีละคำ ต้องทำทีละเรื่องทีละอย่าง พวกเขาไม่รู้หรือว่ารัฐบาลไทยมีสมาชิกคณะรัฐมนตรีได้ 30 กว่าคน มีกระทรวงกว่า 20 กระทรวงที่ครอบคลุมทุกปัญหาในประเทศไทย ผลักดันการแก้ปัญหาไปทุกเรื่องพร้อมกันได้
พวกเขาควรต้องรู้ดีที่สุด และควรต้องรู้ดีกว่าใครว่าเราสามารถแก้ปัญหาสำคัญทั้งเรื่องปากท้องและเรื่องการเมืองไปพร้อมกันได้ ไม่ต้องเลือกเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาทำก่อน
คำถามของผม คือเวลาที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมไล่บี้บดขยี้เรา เขาไม่เคยเห็นจะเกรงใจประชาชน ทำทีละเรื่องทีละอย่าง แล้วทำไมเวลาเรามีโอกาสที่ดีแบบนี้ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบ 17 ปี เราถึงต้องขอเขากินข้าวทีละคำล่ะ?
ปัญหาของประเทศไทยหนักหนาลึกซึ้ง เกี่ยวพันกันเป็นโยงใย เรื่องของปากท้องกี่เรื่องต่อกี่เรื่องสาวโยงไปถึงต้นเหตุปัญหาการเมืองได้หมด เป็นวิกฤติที่กินเวลามายาวนานเกินกว่าที่จะมัวแก้ปากท้องก่อนแล้วค่อยรอแก้ปัญหาการเมืองทีหลังแล้ว
ถ้าท่านคือผู้หนึ่งที่ปรารถนาอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ผมคิดว่าไม่มีเหตุผลอันใดเลยที่จะต้องรอไปอีก ระยะหนึ่งให้ประเทศไทยต้องวนเวียนอยู่กับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน แล้วค่อยแก้ปัญหาการเมืองวันหลัง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็นวันไหน
พรรคก้าวไกลคือคำตอบที่จะแก้ปัญหาให้ถึงต้นตอที่การเมือง ที่จะแก้เรื่องยากๆ ให้จบปัญหาได้ถึงโครงสร้าง ไม่ต้องปะผุทีละประเด็นทีละวันไป และเสียงที่พรรคก้าวไกลได้จากบัตรเลือกตั้งทั้งสองใบ จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของประเทศนี้
บัตรปาร์ตี้ลิสต์ คือเครื่องบ่งชี้ว่าประชาชนคนไทยที่ต้องการเห็นความก้าวหน้ามากเท่าไหร่ ยิ่งได้เยอะก็ยิ่งเป็นตัวชี้วัดว่าคนไทยไม่ต้องการอยู่เหมือนเดิม ต้องการเห็นการปฏิรูปที่ยากแต่จำเป็นสำหรับอนาคตของลูกหลาน
ส่วนบัตรเขต คือสิ่งที่จะทำให้วาระของพรรคก้าวไกลไปสู่การปฏิบัติได้จริง ด้วยจำนวนมือของ ส.ส. ที่จะทำให้เรามีอำนาจในการเปลี่ยนแปลง ผ่านกฎหมายสำคัญต่างๆ ผลักดันวาระที่ก้าวหน้าได้
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเป็นเรื่องที่ยากที่จะต้องใช้เวลา แต่ถ้าเราไม่เริ่มต้นปักธงลงมือทำมันตั้งแต่วันนี้ แล้ววันไหนเราจะได้เริ่มล่ะ?
การมีก้าวไกลเป็นรัฐบาล คือคำตอบเดียวที่จะนำไปสู่การลงมือทำมันตั้งแต่วันนี้ ประเทศไทยไม่สามารถเสียเวลารอการแก้ปัญหาที่ยาก “ไว้วันหลัง” ได้อีกแล้ว
จากการตอบรับที่ประชาชนมีต่อเราทุกวัน รวมถึงที่ปทุมธานีวันนี้ ผมคิดว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เราต้องเจียมตัวอีกต่อไป