ท้อแต่ไม่ถอย เอ๋ ไพโรจน์ เข็ดหนังเจ๊ง ลุยต่อทำเรื่องใหม่ สร้างแพลตฟอร์มฉายเอง

Home » ท้อแต่ไม่ถอย เอ๋ ไพโรจน์ เข็ดหนังเจ๊ง ลุยต่อทำเรื่องใหม่ สร้างแพลตฟอร์มฉายเอง


ท้อแต่ไม่ถอย เอ๋ ไพโรจน์ เข็ดหนังเจ๊ง ลุยต่อทำเรื่องใหม่ สร้างแพลตฟอร์มฉายเอง

ท้อแต่ไม่ถอย! เอ๋ ไพโรจน์ รับเข็ดหนังเจ๊ง ลุยต่อลงทุนทำเรื่องใหม่ สร้างแพลตฟอร์มฉายเอง ไม่พึ่งโรง ชี้รัฐควรสนับสนุนหนังไทย

แม้จะยอมรับว่าเข็ด หลังขาดทุนจากการทำหนัง “วัยอลวน5” สำหรับผู้กำกับฯ-นักแสดงรุ่นใหญ่ เอ๋ ไพโรจน์ สังวริบุตร ที่ทุ่มหมดหน้าตักร่วม 30 ล้าน เจ้าตัวถือคติท้อได้แต่ไม่ยอมถอย เพราะตนเกิดมาจากหนัง ล่าสุดลงทุนทำหนังเรื่องใหม่ นำเสนอเรื่องราวเสน่ห์ของ จ.น่าน ความคืบหน้าถ่ายทำไปได้ 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว

โดย เอ๋ ไพโรจน์ ให้สัมภาษณ์ว่า กลับมาทำหนัง ในรอบ 30 ปี แต่ไม่ประสบความสำเร็จตามคาด เพราะต้องเจอกับสถานการณ์โควิด หนังต้องเลื่อนฉายหลายครั้ง ทำให้กลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้สูงวัยไม่ออกมาดู บวกกับถูกโรงหนังลดรอบฉาย แม้จะยอมรับว่าเหมือนถูกรังแก แต่ไม่ถือโกรธเคืองกัน กับวิกฤตที่ผ่านมา กลับมองบวกเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ ไม่พึ่งโรงหนังอย่างเดียวแล้ว แต่หันมาพึ่งพาตนเองมากขึ้น ด้วยการเริ่มสร้างแพลตฟอร์มขึ้นมาเอง ให้คนดูจ่ายเงินสนับสนุนหลังดูจบตามระดับความพึงพอใจ

เป็นยังไงบ้างกับภาพยนตร์ที่กำลังถ่ายอยู่ที่จังหวัดน่าน? “มันยังค้างอยู่ แต่คิดว่าจะต้องไปถ่ายอีกแล้วก็กำลังเขียนบทเพิ่มอยู่เพื่อให้มันเข้มข้นขึ้น”

ทำไมถึงสนใจอยากทำหนังเกี่ยวกับจังหวัดน่าน? “เป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์ในตัวแต่ก่อนเป็นจังหวัดที่ไปยากมาก ที่เคยไปถ่ายหนังเรื่องสุภาพบุรุษทรนงที่จังหวัดแพร่แล้วก็มีวันหนึ่งหยุดแล้วไปเที่ยวน่าน ขับรถไปตอนเช้า บ่ายโมงแล้วเพิ่งได้ครึ่งทาง (หัวเราะ) โอ๊ยตายแล้วถ้าแบบนี้ไปไม่ทันเดี๋ยวพรุ่งนี้จะต้องถ่ายหนังต่อก็ต้องเลี้ยวกลับ มันก็เลยมีความผูกพัน อยากไปๆ จนกระทั่งตอนหลังมีเครื่องบินแล้ว ก็เลยไปครั้งแรกที่ไปประทับใจมาก บ้านเมืองสวยงาม ผู้คนดีการท่องเที่ยวดี อากาศก็ดี มันเลยเป็นความประทับใจและอีกอย่างนึงก็คือว่ามันมีตำนานรักบันลือโลกก็คือปู่ม่านย่าม่าน ผมเป็นคนชอบทำหนังฟีลกู๊ดดูแล้วมีความสุข เราไม่ทำหนังบู๊ หนังผี เพราะเป็นคนที่ชอบหนังที่ดูแล้วมีความสุข เราก็เลยรู้สึกว่าบรรยากาศของน่านมันมีความสุข ไปตรงไหนก็สวย”

อยากพรีเซนต์อะไรเกี่ยวกับจังหวัดน่าน? “อยากพรีเซนต์การท่องเที่ยวกับศิลปวัฒนธรรมควบคู่กันไป อันนี้คือจุดเริ่มต้นแล้วก็พอไปหาข้อมูลก็ไปเจอผู้คนที่เขาดีมาก ไปเจอประธานสภาท่องเที่ยวจังหวัดน่าน เขาเทคแคร์ดีมากพาไปพบผู้ว่าขอข้อมูลเขาให้ความร่วมมืออย่างสุดยอดมากๆ แล้วเมืองเขาร่วมกันอนุรักษ์จริงๆ ทุกคนเขามีใจกับการอนุรักษ์ซึ่งมันก็เลยทำให้เรามีความรู้สึกว่าเราอยากร่วมมืออนุรักษ์”

เห็นว่าต้องรอเทศกาลวันสำคัญในจังหวัดน่านด้วย? “ไม่ครับ แต่ว่าช่วงนั้นเราไปวัดภูมินทร์ไฮไลต์อย่างหนึ่งของจังหวัดน่านเขากำลังซ่อมอยู่เราก็เลยยังไม่ได้ถ่ายจนจบ”

เรื่องนี้ใช้ทุนไปเยอะไหม? “ตอนแรกว่าจะไม่เยอะแต่ตอนนี้ชักจะเยอะแล้ว (หัวเราะ) ก็คือว่าเวลาเรายกกองไปถ่ายต่างจังหวัดค่าใช้จ่ายมันจะสูงมาก ยกตัวอย่างเช่น ค่าเครื่องมือระหว่างทางที่เราเดินทางไปเรายังไม่ทันถ่ายเนี่ยเสียค่าเครื่องเป็นคิวๆ ไปแล้ว เพราะฉะนั้นการที่เรามูฟคนไปแล้วจังหวัดไกลขนาดนั้น ค่าน้ำมันค่าที่พัก มันมาเป็นเงาตามตัวหมดเลย พอไปกลับมาก็เอาอีกแล้ว ลูกสาวที่เป็นผู้อำนวยการสร้างเราก็มานั่งปรึกษากันดูอยากให้เรื่องมันเข้มข้นกว่านี้ ก็เลยรื้อเรื่องเขียนบท ตอนแรกเราก็กะว่าจะเป็นหนังเบาๆ สบายๆ ปรากฏเทรนด์ของทุกวันนี้คนดูหนังชอบความซับซ้อนมาก เพราะว่าเกาหลีมาปูพื้นไว้ เกาหลีเขามีทุนเยอะมีการส่งเสริมที่ดีจากรัฐบาลเขาก็เลยทำให้อุตสาหกรรมของเขาเติบโตมากเขาเลยมีเงินที่จะระดมความคิด ระดมทรัพยากรมาทำหนังให้ดี หนังดูแล้วเลยซับซ้อน มันไม่ได้แล้วนะพ่อนะ ลูกสาวบอกเดี๋ยวนี้เทรนด์ของคนเป็นแบบนี้ เอ้า ไม่เป็นไร เราเลยกลับมาเสริม ไหนไม่เอาเอาอันนี้เพิ่ม ว่าจะทำนิดๆหน่อยๆคราวนี้ชักเริ่มมีซีจีมีอะไรเข้ามาเต็มไปหมด”

ยืนยันว่ายังไม่เข็ดกับการทำหนัง?เข็ดมั้ย เข็ดก็ได้ แต่ว่าเราเกิดมากับหนัง ยังไงมันก็ต้องทำ เข็ดอาจจะเข็ดกับโรงหนัง แต่ว่ามันก็ยังมีแพลตฟอร์มอื่นให้เรา อะไรผ่านแล้วเราก็ผ่านไป ไม่ถือโกรธกัน ถือว่าเราพลาดทางด้านธุรกิจที่คิดไม่รอบคอบว่าให้คนนี้เขาดูแลแล้วมันเป็นอย่างนั้น ต่อไปเราจะต้องเริ่มคิดใหม่ การเจรจาคงต้องเข้าไปทำด้วยตัวเอง ได้ไม่ได้อะไรก็ต้องคุยให้ชัดเจน ไม่ได้เราก็ดูว่าถ้าไม่พึ่งตรงนี้เราไปพึ่งตรงอื่นอยู่ได้มั้ย มันก็เป็นหลักการทั่วไปมีวิธีดิ้นของมันไปตลอด ยกตัวอย่างยุคหนึ่งฮอลลีวู้ดโด่งดังมากสมัยเด็กๆ พอทีวีสีมันเกิดวงการโทรทัศน์มันทำซอฟต์แวร์ดีขึ้น มีหนัง มีละครสารพัดดีขึ้น รายการต่างๆ คนมันก็ไม่ไปดูโรงหนัง โรงหนังมันก็ร่วง แต่ฝรั่งเขาทำธุรกิจเป็นธุรกิจจริงๆ เขาก็ไปคิดว่าทำยังไงจะดึงคนกลับมา ก็ไปพัฒนาระบบภาพ ระบบเสียง พัฒนาเรื่องซีจี วิชวลเอฟเฟ็กต์ อะไรที่คนดูดูอยู่ที่บ้านแล้วมันสู้โรงไม่ได้ ความตื่นตาตื่นใจความอลังการของเสียงภาพ คือในวิกฤตมันก็มีโอกาสที่เขาจะต้องไปทำเพื่อให้เกิดการพัฒนา เหมือนกันเวลาเราเกิดวิกฤตอย่างนี้มันจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ทุกคนพยายามหาหนทางอื่นเพื่อจะต้องอยู่ให้ได้ ซึ่งผมก็คงหนีไม่พ้นไปจากสิ่งที่ทุกคนเจอ เราต้องพยายามต่อไป ทำยังไงจะต้องอยู่ให้ได้”

เรื่องวัยอลวนทุ่มไป 30 ล้าน เรื่องนี้ทุ่มกี่ล้าน ทุ่มหมดหน้าตักเหมือนเดิมไหม? “คงไม่ แต่เรื่องนี้มันยังบอกตัวเลขไม่ได้ เพราะตอนแรกก็ว่าสมมติจะเอาแค่นี้ พอมาสถานการณ์นี้มันแค่นี้ไม่ได้ จะต้องพยายามให้มากขึ้น เนื้อเรื่องต้องให้มันซับซ้อนขึ้น จริงๆ แล้วที่ผมทำวัยอลวน5 เพราะผมจงใจตั้งแต่แรกว่าอยากทำให้ผู้ใหญ่ดู คือเราเห็นจากตัวเลขสถิติที่ผ่านมา มันมีคนที่ดูหนังประจำ กลุ่มอายุประมาณ 15-25 แต่ผมวิเคราะห์ส่วนตัวว่าที่ผู้ใหญ่เขาไม่ออกมาดูเพราะมันไม่มีหนังที่ถูกจริตกับเขา แต่เมื่อไหร่ที่มีหนังถูกจริต อย่างหนังที่ก่อนเกิดโควิด มี นาคี, บุพเพฯ, แฟนฉัน คือหนังอะไรที่ถูกจริตเขาก็ออกมา เพราะฉะนั้นเราก็เลยคิดว่าเรามาทำหนังเก็บ Niche Market(ตลาดเฉพาะกลุ่ม)ตรงนี้ดีกว่า เราไม่ไปทำแข่งกับหนังกระแส”

เรื่องใหม่จะได้ดูเมื่อไหร่? “ยังไม่รู้เลย ตอนนี้ยังหาเงินทำส่วนที่เหลืออยู่ เพราะว่าเริ่มต้นเราคิดว่าถ้าหนังเรื่องนี้ออกมา เราจะได้หนังก้อนนี้มา ตอนนี้มันยังประเมินไม่ออกแล้วอีกอย่างในด้านการบริหารจัดการ ผมยกให้เป็นหน้าที่ของลูก ฟังเขาอย่างเดียว ถ้าเขาบอกว่า ไป พ่อ เราก็ไป ตอนนี้ความคืบหน้าเหลืออีกประมาณ 30% แต่มันเป็น 30% ที่ยาก”

ยืนยันทำหนังต่อ ไม่เลิกทำ? “เราเกิดมาเพื่อเป็นตรงนี้โชคชะตาเขาคงไม่ให้ผมไปไหน มันก็ต้องหาวิธีแก้ไข เพราะฉะนั้นก็อยากจะฝากไว้หน่อยแล้วกันว่าตอนนี้เรากำลังทำแพลตฟอร์มอยู่ ถ้าแพลตฟอร์มนี้เสร็จเมื่อไหร่ ก็ช่วยกรุณาเข้าไปดูหน่อย เราปรึกษากันว่าเรื่องนี้เราถือว่าเป็นการเปิดแพลตฟอร์ม เราจะไม่กำหนดค่าดู ดูเลยพอใจแค่ไหน สนับสนุนไพโรจน์แค่ไหนก็ให้แค่นั้น ไม่มีตังค์ไม่ต้องให้ เพราะเราอยากจะให้คนเห็นผลงานเรามากกว่า เราอยากได้ความรู้สึกตรงนั้นมากกว่า (ไม่ง้อโรงหนังแล้ว?) ไม่ถึงกับขนาดนั้น เราอย่าไปพูดแบบนั้น มันไม่มีประโยชน์ที่เราจะไปพูดแบบนั้น แต่เราจะต้องตั้งสติว่า เราพึ่งโรงไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องโกรธกัน แต่จะยังไงก็แล้วแต่เราต้องพึ่งตัวเองแล้วกัน เมื่อเราทำธุรกิจเราก็ต้องรู้ว่าทำธุรกิจที่เราต้องพึ่งตัวเองให้ได้ ก็แค่นั้น บางทีวิกฤติมันทำให้เราต้องไปสร้างโอกาส สร้างหนทางใหม่ๆ เราต้องคิดในแง่บวก”

ไม่ท้อกับสิ่งที่เกิดขึ้น? “เราท้อได้แต่เราถอยไม่ได้ เราก็ต้องทำ ผมคิดว่าไปทำอย่างอื่นคงไม่ได้ดีกว่านี้ เด็กรุ่นนี้ไม่รู้ว่าก่อนหนังวัยอลวน ผมทำหนังมาแล้ว 11 เรื่อง แต่หยุดทำมา 30 ปี มาช่า ผมสร้างมานะ สิเรียมเคยได้ยินมามั้ยผมปั้นมา หลายคนเยอะแยะ ใหม่ ได้สุพรรณหงส์ทองคำก็จากหนังที่ผมสร้าง เพราะฉะนั้นเด็กรุ่นนี้เขาไม่รู้ เวลาเรามาทำหนังเขาก็เลยคิดว่าเป็นนักแสดงอายุเยอะๆ แล้วยังจะมาทำหนัง ที่เขาไม่เข้าใจ เราก็ต้องพิสูจน์ให้เขาเห็น”.

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ