เกษตรกรพลิกสวนส้มโอท่าข่อย 3 ไร่ เปลี่ยนมาปลูกอินทผลัม แบบชีวภาพ เพิ่มมูลนกกระทา เพิ่มความหวานของผล ให้มีลูกใหญ่ เตรียมตัดจำหน่าย ช่วงปลายเดือน สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท
ต้นอินทผลัม อายุ 3 ปี ของ สวน อินทผลัมพิจิตร ของ นายบุญเลิศ ทัดกำดัด เกษตรกร บ้านท่าพุดซา ตำบลโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร ที่กำลังให้ผลผลิต ทั้งสีเหลือง สีแดง เต็มต้น ต้นละประมาณ 100 กิโลกรัม รอเวลา สามารถเก็บจำหน่ายให้กับลูกค้า ในช่วงปลายเดือน กรกฎาคม ถึง เดือนสิงหาคม
โดยนายบุญเลิศ ทัดกำดัด เล่าว่า” พื้นที่เดิม มีต้นส้มโอท่าข่อย ที่มีอายุมาก ในช่วงแรก จึงทำการบำรุงรักษาสวนส้มโอ แต่ หลังจาก3 –4 เดือน เก็บผลผลผลิตส้มโอ แต่มีรายได้เพียง 1-2 พันบาท ซึ่งไม่คุ้มทุน กับแรงงานและค่าวัสดุ จึงใช้เวลาคิด เกือบเดือน จึงตัดสินใจรื้อสวนส้มโอท่าข่อยออก มาศึกษาวิธีปลูก อินทผลัม
โดยเลือกสายพันธุ์บาฮีเหลือง กับ บาฮีเหลือง มาปลูกไว้ 80 ต้น ใช้เวลาปลูก2-3 ปี จึงเริ่มให้ผลผลิต สามารถ เก็บจำหน่ายได้ถึงฤดูกาลไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท ซึ่งในการปลูกของทางสวน จะเน้นไปทางชีวภาพผสมกับเคมี เพื่อลดต้นทุนปุ๋ยมีราคาสูง
ซึ่งทางสวนจะเน้น ในการใส่ มูลของนกกระทา ในช่วงก่อนติดผล กับช่วง ผสมเกสร เพื่อให้ดินสมบูรณ์ และ เพิ่มรสชาติความหวานของผลอินทผลัม สำหรับ จัดเป็นพืชตระกูลปาล์มชนิดหนึ่ง มีหลากหลายสายพันธุ์
เป็นผลไม้ประเภทนี้นอกจากให้พลังงานสูงแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์เยอะมาก ที่สำคัญไม่มีคลอเลสเตอรอล และมีไขมันต่ำ อุดมไปด้วยวิตามินที่สำคัญ ที่ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย แล้วก็ช่วยกำจัดสารอนุมูลอิสระภายในร่างกาย ลดการเกิดโรคเรื้องรัง เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคอัลไซเมอร์ และคุ้มครองการเกิดโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี
ซึ่งสวนอินทผลัมพิจิตร การันตีความหวาน และสามารถเก็บจำหน่ายให้กับลูกค้า ในช่วงปลายเดือน กรกฎาคม ถึง เดือนสิงหาคม โดยลูกค้า สามารถเดินเที่ยวชมด้วยตนเองตามใจชอบ และต้องการสั่งซื้อลูกอินทผลัมหรือเยี่ยมชมสวน เพื่อหาความรู้
สามารถ ติดต่อได้ ที่ นายบุญเลิศ ทัดกำดัด เกษตรกร บ้านท่าพุดซา ตำบลโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร หมายเลขโทรศัพท์ 081-6053447