ท็อป นรากร – ต้าวหยอง ตื่นเต้นชิมลางงานหนังครั้งแรก ภูมิใจสืบสานหมอลำสู่คนรุ่นใหม่ เล่านาทีถูกแฟนเพลงดึงตกเวที
ถ้าพูดถึงหมอลำดาวรุ่งมาแรงสุดๆ ในยุคนี้ต้องยกให้ ท็อป นรากร กันจันทึก และ ต้าวหยอง ยุคลเดช ปัจฉิม พระเอกและแดนเซอร์หมอลำคณะระเบียบวาทะศิลป์ ผนึกกำลังวาดลวดลายลีลาลำเรื่องและสเต็ปแดนซ์เอว 4จี จนครองตำแหน่งขวัญใจแม่ยกทั่วประเทศ
ล่าสุดทั้งคู่ประเดิมงานชิ้นใหม่กับภาพยนตร์เรื่องแรก ฮักเจ้าอีหลี โดยมาร่วมพิธีบวงสรวงเช้าวันนี้(27เม.ย.) ที่ ลานหิน เมเจอร์รัชโยธิน ก่อนจะให้สัมภาษณ์คู่กันถึงการเตรียมตัวกับบทบาทใหม่ พร้อมเล่าถึงเส้นทางหมอลำที่เปลี่ยนชีวิตให้มีทุกวันนี้ รวมถึงอุบัติเหตุตกเวทีล่าสุดที่ทำเอาแฟนๆ เป็นห่วง
หนังเรื่องแรก ฮักเจ้าอีหลี เป็นยังไงบ้าง? ท็อป – “เบื้องต้นในเรื่องของคิวทางวงก็ล็อกวันไว้ให้แล้ว ที่สำคัญคือทางกองถ่ายจะต้องมีการเดินทางไปถ่ายทำที่บ้านพักที่ขอนแก่นด้วย แล้วก็มีการตั้งเวทีแสดงยิ่งใหญ่แบบสมจริงให้เหมือนกับว่าเราแสดงคอนเสิร์ตจริงเลย”
“ส่วนบทบาทที่แต่ละคนได้รับในหนังเรื่องนี้จะเป็นบทที่เกี่ยวข้องกับชีวิตจริงตัวเอง อย่างผมคาแร็กเตอร์เป็นพระเอกหมอลำที่เป็นเบอร์หนึ่ง ค่อนข้างจะหยิ่งนิดหนึ่ง สำหรับผมมันยากหมดเลยเพราะว่านี่เป็นครั้งแรก อย่างเวลาแสดงบนเวทีการเล่นลำเรื่องมันเป็นการแสดงก็จริง แต่มันจะโอเวอร์แอ๊กติ้งนิดหนึ่ง แต่พอเป็นหนังทุกอย่างต้องซอฟต์ลงและให้เป็นธรรมชาติที่สุด”
ทำการบ้านเยอะไหม? ต้าวหยอง – “ต้องทำครับ บางบทมันอาจจะเข้ากับคาแร็กเตอร์ของเรา แต่ยังไงก็ต้องปรับในเรื่องการแสดง อย่างคาแร็กเตอร์ของผมจะเป็นคนทะเล้นๆ ขี้เล่นๆ แต่สิ่งที่ผมกังวลที่สุดคือการจำบทเพราะปกติเป็นคนที่จำบทไม่ค่อยได้ เรียกว่าความจำสั้นนั่นแหละ ฉะนั้นเราก็ต้องพยายามจำให้ได้เพราะผู้กำกับฯเขาไว้วางใจให้เราเล่นแล้ว เราก็ต้องทำให้เต็มที่ครับ”
ท็อป – “จริงๆ ผมว่ามันก็เป็นเรื่องที่ยากเหมือนกันสำหรับการจำบท เพราะเราไม่ได้พูดคนเดียว ในเรื่องต้องมีการต่อบทต่อคำกับคนอื่นด้วย ถ้าเกิดเราไม่แม่นก็จะทำให้เพื่อนๆ นักแสดงคนอื่นเสียเวลาได้ ส่วนแฟนๆ ก็ยินดีมากพอรู้ว่ากำลังมีงานหนัง เขาก็รอสนับสนุนพวกเราและหนังเรื่องนี้อย่างเต็มที่”
ถามถึงที่ไปร่วมโชว์บนเวทีมิสแกรนด์เห็นได้พวงมาลัยแบงก์เยอะเลย? ท็อป – “เยอะครับ แล้วก็ได้แฟนคลับแฟนนางงามเพิ่มขึ้นด้วย เหมือนเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้แฟนๆ ภาคกลางที่ยังไม่เคยมีโอกาสได้ฟังหมอลำได้มีโอกาสได้ฟังลำอย่างจริงจังแล้วรู้สึกชอบและหันมาติดตามวงเราและพวกเราเพิ่มด้วย เมื่อคืนก็เต้นตั้งแต่เพลงแรกจนคอนเสิร์ตจบ วิ่งเปลี่ยนชุดกันสนั่นเลย”
รู้สึกอย่างไรที่ทั้งคู่เหมือนเป็นคนรุ่นใหม่ที่ทำให้วงการหมอลำกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง? ต้าวหยอง – “รู้สึกภาคภูมิใจครับ เอาตรงๆ แต่ก่อนผมไม่ชอบเลย แล้วที่นี้มีพี่ชายชวนเข้ามาอยู่ในวงระเบียบวาทะศิลป์ ตอนนั้นยังลังเลว่าจะไปดีไม่ไปดีแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจมาเพราะว่าที่บ้านอยากให้มาด้วย แล้วพอได้มาสัมผัสบรรยากาศแล้วพี่ๆ ในวงทุกคนน่ารักและอยู่กันอบอุ่นดี”
ท็อป – “สำหรับผมก็ดีใจมากๆ ที่ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นทุกเพศทุกวัย ที่สำคัญคือทุกภาคด้วยให้การสนับสนุนแล้วก็และชื่นชอบในบทเพลงหมอลำ ผมคิดว่าตอนนี้หมอลำคงไม่ตายเพราะว่าทุกคนชอบความสนุกซึ่งหมอลำตอบโจทย์เรื่องนี้แน่นอน แล้วก็เชื่อว่าทุกคนจะช่วยกันสนับสนุนหมอลำและอนุรักษ์บทเพลงหมอลำที่เป็นวัฒนธรรมอีสานต่อไป”
“ผมสนใจหมอลำเพราะคิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์ทางด้านนี้ เลยอยากต่อยอดพรสวรรค์ ความฝันของผมคืออยากเป็นพระเอกหมอลำ ในเมื่อเลือกที่จะทำแล้วก็อยากให้มันสุดๆ ไปเลย เสน่ห์ของหมอลำที่ทำให้ผมมีความสุขคือการได้เจอแฟนๆ เพราะทุกคนเหมือนครอบครัว รักเราเหมือนลูก เราเองก็นับถือพวกเขาเหมือนแม่เหมือนญาติพี่น้องตัวเอง ไม่ว่าจะไปจังหวัดไหนก็ตามจะมีแม่ๆ มาหา เหมือนเรามีแม่ทุกจังหวัดครับ”
ในเรื่องของการลำเรื่องของยุคเราต่างจากยุคของพ่อแม่ยังไงบ้าง? ท็อป – “สำหรับลำเรื่องต่อกลอนทุกวันนี้ก็จะปรับให้ลำน้อยลง แต่ยังลำให้แฟนๆ ทางบ้านได้รู้เรื่องราวของบทละคร แล้วก็จะเน้นเพลงเต้ยคือเพลงสนุกๆ โจ๊ะๆ เอาไว้ให้คนหน้าเวทีได้เต้น”
ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง? ต้าวหยอง – “สำหรับตัวผมคือเปลี่ยนเยอะมากจริงๆ ก่อนหน้านี้ผมไม่มีตังค์เลย พอมาอยู่กับระเบียบวาทะศิลป์ก็มีบ้านให้แม่ มีตังค์ส่งให้แม่ใช้ตลอดโดยที่แม่ไม่ต้องขอ อีกอย่างผมจะคอยดูพี่ๆ ในวงด้วยเขามีวิธีการใช้เงินยังไง วางตัวยังไง เราก็ปรับตัวตาม”
ท็อป – “ผมแนะนำได้หลายอย่างที่น้องอยากปรึกษา แต่การใช้ชีวิตหลังเวทีของน้องก็น่ารัก มีอะไรก็ปรึกษารุ่นพี่ว่าต้องทำยังไง (เคยได้พวงมาลัยเยอะที่สุดต่อคืนเท่าไหร่?) ต้าวหยอง – “6 หลักครับ” ท็อป – “ยังไม่เคยได้ถึงหลักล้านสักทีครับ”
ตอนนี้ยังมีปัญหาเรื่องการเปิดวิกอยู่ไหม? ท็อป – “ช่วงนี้อาจจะแสดงถึงเช้าไม่ได้เพราะด้วยสถานการณ์โควิดและหลายๆ เหตุผล แต่ว่าแถบอีสานยังพอทำได้ซึ่งจะเรียกว่าซ่อนแจ้ง แต่ก็ไม่สามารถแสดงได้ทุกงาน ส่วนกรุงเทพฯ ไม่สามารถถึงเช้าได้เลยเพราะว่าอยู่ใจกลางเมืองเสียงอาจจะไปรบกวนได้”
“คิวงานตอนนี้เราออนทัวร์ในกรุงเทพฯ ก่อน คิวงานเต็มทุกวันแต่ก็ต้องลุ้นวันต่อวันว่าในวันนี้จังหวัดนี้เราจะสามารถแสดงได้ไหม บางทีไปตั้งเวทีเรียบร้อย แต่งหน้าเรียบร้อย ปรากฏว่ายกเลิกก็มี ซึ่งก็มีหลายเหตุผล พอรู้ว่าไม่ได้แสดงก็เศร้าเลยต้องขนของกลับบ้านครับ”
ล่าสุดมีภาพเหมือนตกเวที หลายคนเป็นห่วง? ต้าวหยอง – “เหตุการณ์เกิดที่บางปะกง อยู่ในช่วงเพลงเต้ยผมก็ไปรับอยู่หน้าเวที คนนั้นเขาอาจจะเมาด้วยแหละ แต่ก็เข้าใจที่เขาขอจับมือเรา แต่บางทีเขาอาจจะใช้แรงกระชากเราทำให้เราตกเวที ยอมรับว่าตกใจแต่ก็ไม่เจ็บเพราะว่าเอาขาลงได้ทัน”
ท็อป – “ผมเองก็เคยเจอดึงหลายครั้งเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจแฟนเพลงหน้าเวที อย่างเราเองอยู่บนเวทีก็ต้องระวังตัวเองด้วยเพราะบางสถานการณ์แฟนๆ อาจจะสติไม่เต็มร้อยแล้ว จริงๆ ส่วนน้อยที่จะเจอแบบนี้ เพราะแฟนเพลงที่น่ารักมีเยอะกว่าครับ”