จับแล้ว หลานโหด ฆ่าปาดคอ สาวเจ้าของร้านรับซื้อของเก่า ก่อนเผาศพอำพรางคดี เจ้าตัวเปิดปากสารภาพ ด้าน สามีผู้ตาย เผยทั้งน้ำตา ไม่คิดว่าจะเป็นหลาน
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 พ.ค.2566 พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี และ พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง ร่วมกันแถลงจับกุมตัว นายพงศ์ภัทร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี อดีตคนงานร้านรับซื้อของเก่าได้ที่บ้านหลังหนึ่ง ต.บางพลี อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมรถจักรยานยนต์ ทะเบียน กพต160 ศรีสะเกษ สร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนัก 1 บาทซึ่งเป็นของ น.ส.วรรณา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี เจ้าของร้านที่ถูกฆ่าปาดคอแล้วเผาร่างอำพรางคดี
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 09.10 น. สภ.บางบัวทอง รับแจ้งเหตุหญิงเสียชีวิตที่ร้านรับซื้อของเก่า หน้าหมู่บ้านแ่หงหนึ่ง ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ น.ส.วรรณา สภาพศพมีบาดแผลไฟไหม้บริเวณใบหน้ากับลำตัว ขณะที่ข้อมือและข้อเท้าถูกมัดด้วยสายไฟเสียชีวิตอยู่ภายในห้อง หลังนำศพส่งโรงพยาบาลศูนย์ธรรมศาสตร์ รังสิตชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า ผู้ตายถูกฆ่าปาดคอเสียชีวิตก่อนจะถูกเผาอำพราง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ได้นำตัว นายสุทโธ (ขอสงวนนามสกุล) สามีของผู้ตาย พร้อมด้วย นางบุญล้อม (ขอสงวนนามสกุล) พี่สาวของนายสุทโธ, น.ส.นิตยา (ขอสงวนนามสกุล), นายทวีศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) และ นายวิพัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) หลานของนายสุทโธ มาสอบปากคำ ทั้งหมดให้การปฏิเสธไม่รู้เรื่องการเสียชีวิตของน.ส.วรรณา
จากนั้นชุดสืบสวน ภ.จว.นนทบุรี สืบสวนขยายผลได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีหลานของนายสุทโธคือนายพงษ์ภัทร เคยเป็นคนงานทำงานที่ร้านนี้แล้วถูกไล่ออกเนื่องจากประพฤติตัวไม่ดี ประกอบกับข้อมูลหลักฐานที่ทางตำรวจได้มาจากชาวบ้านที่อยู่ใกล้ร้านรับซื้อของเก่าให้ข้อมูลว่า เห็นรถจักรยานยนต์สีแดงขับออกจากหน้าร้านในช่วงเวลาประมาณ 05.00 น.
ตำรวจจึงได้ไล่กล้องตรวจสอบเส้นทาง กระทั่งพบว่ารถคันดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา จึงนำกำลังไปตรวจสอบพบว่า เป็นคนของนายหนุ่ม (นามสมมติ) ให้ข้อมูลว่านายพงษ์ภัทรขอยืมไปใช้ โดยไม่ทราบว่านายพงษ์ภัทรนำไปก่อเหตุ ตำรวจจึงนำรถคันดังกล่าวมาตรวจสอบ
ต่อมาตำรวจได้นำกำลังบุกเข้าจับกุมตัวนายพงศ์ภัทรได้ที่บ้านหลังหนึ่ง ต.บางพลี อ.บางไทร ก่อนจะนำตัวมาสอบสวน จากการสอบสวนนายพงษ์ภัทร รับสารภาพว่า เป็นคนลงมือฆ่าน.ส.วรรณาจริง โดยอ้างว่าวันที่เกิดเหตุนั้น ตั้งใจที่จะไปขโมยของในร้านขายของเก่า แต่ผู้ตายตื่นมาเจอแล้วบอกว่าจะโทรศัพท์บอกนายสุทโธ ตนกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีจึงไปแย่งโทรศัพท์
นายพงษ์ภัทร ให้การต่อว่า ขณะที่ผู้ตายตะโกนร้องให้คนอื่นมาช่วย จึงใช้ผ้าอุดปากเพื่อไม่ให้ผู้ตายส่งเสียงร้องเรียกให้คนมาช่วย แล้วใช้สายไฟมัดมือและเท้าของผู้ตาย หลังจากนั้นจึงใช้มีดปาดที่ลำคอของผู้ตาย แล้วได้เอาสร้อยข้อมือทองคำของผู้ตายไปด้วย ก่อนที่จะจุดเทียนแล้วนำเศษกระดาษทำเป็นเชื้อเพลิง เพื่อที่จะให้เกิดเพลิงไหม้ในร้านขายของเก่าเพื่ออำพรางศพ
หลังจากนั้นก็ขับรถหลบหนีแล้วนำทองไปขายที่ร้านทองแถว อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามมาจับกุมตัว ต่อมาภายหลังจากการแถลงข่าว ทางพนักงานสอบสวนได้นำตัวนายพงษ์ภัทรไปประกอบคำรับสารภาพตามจุดต่าง ๆ
ด้าน นายสุทโธ ให้ข้อมูลทั้งน้ำตาว่า ไม่คิดว่าจะเป็นหลานที่ก่อเหตุครั้งนี้ ทั้งที่ผู้ตายคอยดูแลเมตตาสงสารมาตลอด เมื่อก่อนเคยทำงานที่ร้านแต่พฤติกรรมไม่ดี ตนจึงไล่ออกจากงาน ผู้ตายสงสารยังให้ไปพักอยู่ที่ห้องพักด้านนอก ไม่คิดว่าเขาจะเหี้ยมโหดแบบนี้ ตนอยากให้เขาได้รับกรรมตายตกตามไป