ดูเหมือนว่าในห้วงเวลานี้ นายกฯนิด เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะพูดอะไร จะทำอะไร ก็เป็นประเด็นไปเสียหมด ล่าสุดกับการที่พูดในวงประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทย

เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา จับความได้ว่า มีการแทรกแซงการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ตามที่มีการระบุกันก็คือ ตำแหน่ง “ผู้กำกับ” ทำเอาเป็นเรื่องเป็นราวถูกจับตามอง ตั้งข้อสงสัยจากขั้วตรงข้ามและบรรดานักร้องเรียนทั้งหลายเดินหน้ายื่นหน่วยงานตรวจสอบกันพันละวัน โดยล่าสุด นายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา ยังได้ออกมาสอนมวย “เศรษฐา” เตือนว่า เป็นนักการเมืองมือใหม่ต้องระวังคำพูด ถ้านักการเมืองที่มีความอาวุโสหรือมีประสบการณ์ จะรู้วิธีการพูดเป็นอย่างดี

หากย้อนดูวีรกรรมคำพูดของนายกฯเศรษฐา ก่อนหน้านี้ก็มีดรามา”โยนปากกา” ระหว่างรับฟังปัญหาจากกลุ่มวินจักรยานยนต์รับจ้าง เป็นกระแสวิภาควิจารณ์ในโลกโซเชียลอย่างมาก จนนายกฯต้องออกมาขอโทษ หากภาพที่ออกมาทำให้เข้าใจผิดและยืนยันว่าไม่ได้เขวี้ยงปากกา หรือ แสดงความไม่พอใจ เพียงแต่ตอนนั้นปากกาที่เขียนหมึกหมด จึงปล่อยปากกาลงบนโต๊ะเฉย ๆ ไม่ได้มีอะไรมาก

และยังมีประเด็นที่นายกฯเศรษฐา เรื่องคำสัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างประเทศ กรณีมีข่าวว่าจะแต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาของตัวเอง แต่ก็ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และให้สื่อไปถอดคำสัมภาษณ์ได้เลยว่าไม่ได้พูดเช่นนั้น แต่บอกว่าหากมีเรื่องอะไร จะปรึกษาก็ปรึกษาได้ เหมือนกับที่ได้ไปปรึกษาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายๆ ท่านที่อาจจะเกษียณไปแล้ว หรืออดีตนายกรัฐมนตรีตนก็เข้าไปกราบมาแล้ว

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ยังมีประเด็นที่นายกฯเศรษฐา เรียกประชุม 3 วง ก่อนบินไปเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 30 พร้อมตำหนิเจ้าหน้าที่เรื่องการแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อนล่าช้า และมีสีหน้าไม่พอใจการทำงานที่ผ่านมา ซึ่งนายกฯก็ได้ออกมาชี้แจงภายหลังว่าได้เห็นภาพข่าวในการประชุมที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว แต่ตนมีหน้าที่ หากประเทศชาติมีปัญหาและไม่ถูกบริหารจัดการ ขอให้ดูที่ผลงานเป็นหลัก

และอีกประเด็นร้อนแรงไม่แพ้กันเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังโซเชียลดรามาปมพูดจาไม่สุภาพใช้คำว่า “ขี้ข้า” “นายกฯเศรษฐา”ก็ได้ออกมาชี้แจงว่า ช่วงจังหวะหนึ่งที่ได้พูดคุยกับนักศึกษาไทย ว่า ตนเองได้พูดกับลูกหลังเรียนจบว่าขอให้ไปเป็น “ขี้ข้าเขาก่อน” เป็นคำพูดส่วนตัวที่ใช้สอนลูกอย่างตรงไปตรงมาหลังเรียนจบใหม่ต้องเป็นลูกจ้าง อยากให้ขยัน มีวินัย อดทน สร้างคอนเนคชั่นอยู่กับเพื่อนในการทำงานเท่านั้นเอง

ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ “นายกฯเศรษฐา” จะมีการกระทำหรือคำพูดอะไรหลุดออกมาให้เป็นที่จับตา เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อีกหรือไม่ เพราะจากที่ผ่านมาก็ตามแก้ตัวแถบไม่ไหวจนเหมือนจะเอาตัวไม่รอดแล้ว…