จับแก๊งหลอกดาวน์ จยย. แลกเงิน ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน รวบได้ 6 คน ให้เหยื่อแจ้งหาย หวังเอาเงินประกัน พบเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 100 ล้านบาท
วันที่ 10 พ.ย.64 ที่หน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รอง ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี รอง ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ร่วมแถลงผลการจับกุมแก๊งหลอกดาวน์รถจยย.แลกเงินส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีผู้ต้องหา 6 ราย ประกอบด้วย
นายเสกสรรค์ พันธ์ดี อายุ 39 ปี ชาว จ.ชลบุรี (ตัวแทนนายทุนต่างชาติ) น.ส.สรยา โต๊ะยีหวัง อายุ 34 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา (นายหน้า) น.ส.ลำไพร มั่นคง อายุ 45 ปี ชาว จ.ขอนแก่น (ผู้เช่าซื้อ) น.ส.ศุภิสรา สอนเจริญ อายุ 26 ปี ชาว จ.สระแก้ว (ว่าจ้างและจัดหาทีมขน) นายสุทัศน์ สร้อยดั้น อายุ 18 ปี ชาว จ.สระแก้ว (หัวหน้าทีมขน) และ นายพงศ์พัทธ์ ศรีมาตร อายุ 25 ปี ชาว จ.สระแก้ว (ทีมขน)
พล.ต.ท.สมประสงค์ เปิดเผยว่า ได้ปฏิบัติตามนโยบายของสำนักงานงานตำรวจแห่งชาติให้ปราบปรามจับกุมการโจรกรรม รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และนโยบาย จึงได้สั่งการให้ตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบ 8 จังหวัดอีสานตอนล่าง ดำเนินการกวดขันจับกุมรถที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นประจำ
กระทั่งเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนแสนสุข จ.นครราชสีมา ได้ตรวจยึดรถจยย.ต้องสงสัย สภาพใหม่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 6 คัน ได้ที่ริมถนนท้ายหมู่บ้านปรางค์ครบุรี ต.ครบุรี อ.ครบุรี ไว้ตรวจสอบ เบื้องต้นทราบเป็นรถที่ถูกลำเลียงมาจาก จ.ชลบุรี จึงได้ร่วมสืบสวนขยายผลและสามารถตรวจยึดรถจยย.ได้เพิ่มเติมในพื้นที่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ 4 คัน และ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว 4 คัน รวม 14 คัน ทั้งหมดเป็นรถที่กำลังลำเลียงส่งยังประเทศเพื่อนบ้าน บริเวณชายแดน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว
ต่อมาได้สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่งนำไปสู่การขออนุมัติศาลจังหวัดนครราชสีมาออกหมายจับ จากนั้นวันที่ 9 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 6 รายดังกล่าว โดยพฤติการณ์พบว่า ผู้ต้องหาร่วมก่อเหตุลักษณะขบวนการดาวน์รถจยย.เน้นยี่ห้อฮอนด้า รุ่นยอดนิยม เพื่อแลกเงิน จากนั้นได้ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน โดยแบ่งหน้าที่กันดังนี้ นายทุนต่างชาติเป็นชาวประเทศเพื่อนบ้าน แจ้งยี่ห้อและรุ่นที่ต้องการ
จากนั้นตัวแทนนายทุนต่างชาติประกาศในสื่อสังคมออนไลน์ รับซื้อและดาวน์รถจักรยานยนต์มาแลกเงิน กลุ่มนายหน้าติดต่อกับผู้ที่ต้องการเงินให้มาดาวน์รถที่เช่าซื้อเพื่อแลกเงิน เมื่อผู้เช่าซื้อนำรถส่งมอบให้กับนายหน้าเพื่อแลกกับเงินที่ต้องการ นายหน้าก็รวบรวบรถส่งให้กับตัวแทนนายทุนต่างชาติ โดยสั่งการให้ทีมขนรถไปส่งมอบตามจุดนัดหมายเพื่อนำข้ามพรมแดนไปประเทศเพื่อนบ้าน และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 100 ล้านบาท
จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้ระมัดระวังอย่าหลงผิดโดยไปดาวน์รถให้ผู้อื่นเพื่อแลกกับเงินเพียงเล็กน้อย แล้วมาแจ้งความรถหายเพื่อเอาประกัน นอกจากจะถูกดำเนินคดีในฐานะผู้ร่วมขบวนการในการกระทำความผิดแล้วยังถูกดำเนินคดี ข้อหาแจ้งความเท็จอีกด้วย ส่วนบริษัทประกันภัยหรือผู้ให้บริการสินเชื่อได้รับความเสียหายให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป