ทำงานไกลบ้าน 7 ปี ช็อกแม่บอกไม่เคยได้เงิน 2.3 ล้าน วงจรปิดเฉลยความจริงสุดเศร้า

Home » ทำงานไกลบ้าน 7 ปี ช็อกแม่บอกไม่เคยได้เงิน 2.3 ล้าน วงจรปิดเฉลยความจริงสุดเศร้า
ทำงานไกลบ้าน 7 ปี ช็อกแม่บอกไม่เคยได้เงิน 2.3 ล้าน วงจรปิดเฉลยความจริงสุดเศร้า

ส่งเงินกลับบ้านกว่า 2.3 ล้านบาท ตลอด 7 ปีที่ทำงานไกลบ้าน หนุ่มถึงกับช็อก เมื่อแม่บอกว่า “ไม่เคยได้รับเงิน” กล้องวงจรปิดธนาคารเผยความจริง

เว็บไซต์ SOHA รายงานเรื่องราวของชาวจีนรายหนึ่ง ซึ่งหลังจากทำงานไกลบ้านนาน 7 ปี ชายหนุ่มถึงกับตกใจเมื่อพบว่าแม่ไม่เคยได้รับเงินก้อนโตที่เขาตั้งใจส่งให้ตลอดเวลาที่ผ่านมา

ชีวิตที่พลิกผันตั้งแต่วัยเด็ก

หลี่ติงฮ่าวเติบโตในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชีวิตไม่ง่ายดายนัก ตั้งแต่วัยเยาว์ เขาเป็นเด็กกระตือรือร้นและมีความคิดเป็นของตัวเอง ความฝันสูงสุดของเขาคือการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทอง

ด้วยความที่ครอบครัวยากจน วัยเด็กของหลี่ติงฮ่าวเต็มไปด้วยความลำบาก ไม่ต่างจากครอบครัวอื่น ๆ ในละแวกเดียวกัน พ่อของเขา หลี่เจียง เป็นเพียงคนงานก่อสร้างที่ต้องทำงานหนักทุกวัน ขนย้ายอิฐก้อนใหญ่ด้วยแรงกาย ส่วนแม่ จางชุ่ย รับหน้าที่ดูแลบ้านและเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่

แม้ชีวิตจะขัดสน แต่ความรักและการดูแลซึ่งกันและกันกลับเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หลี่เจียงมองลูกชายด้วยความภาคภูมิใจ รู้สึกว่าความเหนื่อยยากทั้งหลายคุ้มค่าเสมอ เมื่อได้รับความรักจากพ่อแม่ หลี่ติงฮ่าวเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เรียนดี และมุ่งมั่นฝ่าฟันทุกอุปสรรค จนสามารถสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายชั้นนำได้สำเร็จ นำพาความสุขมาสู่ครอบครัว

ความสุขที่แสนสั้นและบททดสอบชีวิต

แต่แล้วความสุขนั้นกลับอยู่ได้ไม่นาน เมื่อสายโทรศัพท์ที่ไม่คาดคิดเปลี่ยนทุกอย่างไปตลอดกาล “สามีของจางชุ่ยประสบอุบัติเหตุร้ายแรงในไซต์ก่อสร้าง กำลังอยู่ระหว่างการช่วยชีวิต” แม่ของหลี่ติงฮ่าวแทบไม่เชื่อหูตัวเอง มือสั่นระริกกับข่าวร้าย ด้านติงฮ่าว แม้ยังเด็ก แต่รีบถามอาการพ่อและเดินทางไปโรงพยาบาลพร้อมแม่ทันที

ทว่าเมื่อไปถึง สิ่งที่รออยู่กลับเป็นเพียงร่างไร้ลมหายใจของพ่อ ความสุขที่เคยมีกลายเป็นความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ ครอบครัวจมอยู่ในความเศร้า ไม่มีใครคิดมาก่อนว่าความสุขจะเปราะบางเพียงนี้

หลังการสูญเสียพ่อ ครอบครัวเหมือนขาดแรงผลักดัน ทั้งหลี่ติงฮ่าวและแม่ต่างรู้สึกหมดกำลังใจ โชคดีที่เจ้าของไซต์งานมอบเงินชดเชยก้อนใหญ่ให้ หากไม่มีเงินก้อนนี้ ติงฮ่าวคงไม่สามารถเรียนต่อได้ ความยากลำบากในวัยเด็กทำให้เขาเริ่มตั้งปณิธานว่าจะต้องเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เพราะเขารู้ดีว่าความยากจนคือสิ่งที่เขาไม่อยากเผชิญอีกต่อไป

วันเวลาผ่านไป เมื่อหลี่ติงฮ่าวก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ความเจ็บปวดจากการสูญเสียพ่อเริ่มจางหายกลายเป็นเพียงความทรงจำ ส่วนแม่ของเขาก็พบรักใหม่และแต่งงานอีกครั้ง

พ่อเลี้ยงของหลี่ติงฮ่าว หยางเซิง มีลูกชายซึ่งอายุน้อยกว่าเขาเพียง 2 ปี แต่มิตรภาพระหว่างพวกเขาไม่ราบรื่นนัก ติงฮ่าวรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับหยางเซิง โดยเฉพาะเมื่อเห็นแม่ชื่นชมพ่อเลี้ยงอยู่เสมอ ความรู้สึกนั้นกลายเป็นภาระทางใจ ทำให้เขายิ่งอยากห่างไกลจากครอบครัวมากขึ้น

หลังจากจบการศึกษา หลี่ติงฮ่าวตัดสินใจเดินทางไปต่างประเทศ นี่ไม่ใช่แค่การผจญภัย แต่เป็นการค้นหาความอิสระ เพื่อหลุดพ้นจากเงาที่ครอบครัวเคยกดทับ

ก่อนขึ้นเครื่อง แม่ของเขากุมมือลูกชายแน่น น้ำตาคลอเบ้า พร้อมกล่าวด้วยความห่วงใยว่า “ตรุษจีนกลับบ้านนะลูก อย่าลืมติดต่อแม่”

หลี่ติงฮ่าวมองแม่ด้วยแววตาเปี่ยมด้วยความรักและความมุ่งมั่น ในใจเขาสัญญาว่าจะพยายามอย่างสุดกำลัง เพื่อสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้แม่ แม้ระยะทางจะยังคงเป็นอุปสรรคก็ตาม

เงินก้อนโตที่ส่งกลับบ้านตลอด 7 ปี

ตั้งแต่ออกจากบ้านเกิด หลี่ติงฮ่าวทุ่มเททั้งแรงกายและใจให้กับการทำงานในต่างประเทศ ด้วยความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตครอบครัว โดยเฉพาะเพื่อมอบชีวิตที่ดีกว่าให้แม่

ตลอด 7 ปีที่อยู่ไกลบ้าน เขาส่งเงินให้แม่ทุกเดือน เป็นจำนวนไม่น้อย รวมแล้วกว่า 500,000 หยวน (ประมาณ 2.3 ล้านบาท) เพื่อช่วยแม่ดูแลค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

เนื่องจากงานที่ยุ่งและค่าโทรระหว่างประเทศที่แพง หลี่ติงฮ่าวจึงไม่ได้ติดต่อแม่บ่อยนัก แต่เขามุ่งมั่นส่งเงินเข้าบัญชีธนาคารอย่างสม่ำเสมอ ด้วยความหวังว่าแม่จะใช้เงินนี้เพื่อมีชีวิตที่ดีขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเงิน

ด้วยความเชื่อมั่นว่าแม่ได้รับเงินครบถ้วน หลี่ติงฮ่าววางใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี หลังจากความพยายามตลอด 7 ปี เขาซื้อตั๋วเครื่องบินกลับจีน พร้อมความหวังว่าจะเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตที่ไม่ต้องเผชิญปัญหาการเงินอีกต่อไป

แต่แล้วหลี่ติงฮ่าวต้องตกตะลึงและแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เมื่อแม่บอกว่าไม่เคยได้รับเงินที่เขาส่งมาแม้แต่สตางค์เดียว

ความจริงที่คาดไม่ถึงนี้ทำให้เขาสับสนและหวั่นใจ เพราะเขามั่นใจว่าได้ทำตามสัญญาทุกประการ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะไขปริศนา หลี่ติงฮ่าวตัดสินใจสืบหาความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์นี้

ความจริงสุดสะเทือนใจจากกล้องวงจรปิด

หลี่ติงฮ่าวแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินจากแม่ เมื่อเธอยืนยันว่าไม่เคยได้รับเงินจำนวนมหาศาลที่เขาส่งมาเลยตลอด 7 ปี

ด้วยความไม่อาจยอมรับสถานการณ์นี้ เขารีบไปที่ธนาคารและขอให้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเกี่ยวกับการถอนเงินจากบัญชีของแม่

สิ่งที่ปรากฏในวิดีโอทำให้หลี่ติงฮ่าวช็อกยิ่งกว่าเดิม คนที่ถอนเงินกลับไม่ใช่แม่ของเขา แต่เป็นหยางเซิง พ่อเลี้ยงที่ใช้ความไว้ใจของแม่เขาเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัวและยักยอกเงินก้อนใหญ่

ความจริงนี้ทำให้หลี่ติงฮ่าวรู้สึกถูกหักหลังและโกรธแค้นอย่างสุดขีด เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตลอด 7 ปีที่ผ่านมา พ่อเลี้ยงจะลักลอบนำเงินที่เขาส่งเพื่อดูแลแม่ไปใช้เอง โดยคืนให้แม่เพียงเศษเงินเล็กน้อย

เมื่อถูกจับได้ หยางเซิงไม่อาจปฏิเสธและต้องยอมรับว่าได้ใช้เงินนั้นเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวของตน แม้เขาจะอ้างว่าทำเพื่อรักษาความเป็นอยู่ของครอบครัว แต่การกระทำดังกล่าวก็ไม่อาจยอมรับได้

หลี่ติงฮ่าวยื่นคำขาดให้พ่อเลี้ยงคืนเงินทั้งหมดที่ยักยอกไป กรณีนี้ไม่เพียงแต่ทำลายความสัมพันธ์ในครอบครัว แต่ยังเป็นบาดแผลทางใจครั้งใหญ่ต่อทั้งเขาและแม่

ในที่สุด หยางเซิงถูกตัดสินจำคุก 3 ปีในข้อหายักยอกทรัพย์ แม้คดีจะจบลง แต่สำหรับหลี่ติงฮ่าว นี่คือบทเรียนอันเจ็บปวดเกี่ยวกับความไว้วางใจและการจัดการการเงินในครอบครัว เขาได้เรียนรู้ว่าการเชื่อใจโดยไร้ข้อจำกัด อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ