วันที่ 21 ธันวาคม 2566 คดีฆาตกรรมน้องชมพู่ ยังคงเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล หลังจากที่เมื่อวานนี้ (20 ธ.ค. 66) ศาลชั้นต้น หรือ ศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้มีการนัดอ่านคำพิพากษา ได้แก่ นายไชย์พล (สงวนนามสกุล) หรือ ลุงพล และ นางสาวสมพร (สงวนนามสกุล) หรือ ป้าแต๋น ผู้ต้องหาคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ซึ่งคดีดังกล่าวกินระยะเวลามานานกว่า 3 ปี ถึงจะมีการพิพากษาศาลชั้นต้น โดยคำตัดสินศาลสั่งจำคุก นายไชย์พล ในความผิด 2 ข้อหาจำนวน 20 ปี ส่วนนางสาวสมพร ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง ซึ่งผลการตัดสินส่วนหนึ่งมาจากคำให้การของ “พ่อแบม” หลังจากผลการตัดสินออกมา หลายคนต่างตั้งคำถามว่า พ่อแบมคือใคร ? แล้วทำไมถึงกลายเป็นพยานปากสำคัญ
โดยในเอกสารเผยแพร่ข่าว คดีน้องชมพู่ ที่มีการพิพากษาเมื่อวานนี้ (20 ธ.ค. 66) ช่วงตอนหนึ่งมีการระบุว่า “พยานโจทก์ปากนาย ว. และนาง พ. ให้การในชั้นสอบสวนว่า พยานเห็นจำเลยที่ 1 อยู่บริเวณสวนยางพาราซึ่งเป็นทางเดินที่สามารถเข้าถึงจุดที่ผู้ตายหายตัวไป ในช่วงเวลาที่คนร้ายลงมือกระทำความผิด โดยขณะที่มีการสอบสวนเรื่องนี้ จำเลยที่ 1 พยายามไปพูดคุยกับนาย ว. ให้ นาย ว. บอกเจ้าพนักงานตำรวจว่า นาย ว. พบจำเลยที่ 1 ในช่วงเวลา 7.00 นาฬิกา ไม่ใช่ช่วงเวลา ที่เกิดเหตุ เพื่อไม่ให้เจ้าพนักงานตำรวจสงสัยจำเลยที่ 1 จึงเป็นข้อพิรุธว่าหากจำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำความผิด เหตุใดต้องพูดจาในลักษณะดังกล่าวกับพยานที่ให้การต่อเจ้าพนักงานตำรวจตามข้อเท็จจริงที่ตนรู้เห็น แม้ต่อมาในขณะสืบพยาน นาง พ. จะเบิกความว่า ตนไม่ได้เห็นจำเลยที่ 1 บริเวณสวนยางพารา แต่ก็เป็นการกลับคำภายหลังเกิดเหตุกว่า 2 ปี ซึ่งอาจทำเพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ 1 คำให้การในชั้นสอบสวนของนาง พ. จึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือยิ่งกว่า”
- เปิดคำพิพากษาคดีน้องชมพู ชี้ เจอสิ่งนี้บนรถลุงพล จนเป็นหลักฐานมัดตัว
- ไขปม แรงจูงใจคดีน้องชมพู่ ของจำเลยที่ 1 นายไชย์พล หรือ ลุงพล
- เรวัต ไขปมแรงจูงใจของ ลุงพล ใน ดคีน้องชมพู่ คาดฆ่าเพราะบูชายัญ ?
หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่า พยานปากสำคัญอย่าง พ่อแบม นั้นคือใคร จากการสืบค้นข้อมูลเบื้องต้น คาดว่า พ่อแบบ หรือ นายวัชรินทร์ (สงวนนามสกุล) เป็นผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณหมู่บ้านกกกอก เป็นบิดาของเด็กที่ชื่อว่า “แบม” ซึ่งเด็นรายดังกล่าวเคยมาเล่นกับน้องชมพู่อยู่บ่อยครั้ง ความสำคัญของพ่อแบมเริ่มต้นจาก คำให้การที่ว่า “เห็นลุงพลอยู่ในสวนยางในวันที่น้องชมพู่หายตัวไป” ซึ่งหลังจากผลตัดสินออก นายวัชรินทร์ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า “ขอขอบคุณศาลมุกดาหารที่ให้ความยุติธรรมแก่น้องชมพู่ ตนรู้สึกดีใจที่น้องได้รับความยุติธรรม”
พ่อแบม เปิดเผยอีกว่า ที่ยืนหยัดในคำตอบเดิม เนื่องจากครั้งแรกตนพูดนิดเดียว แต่ว่าเขาก็มาที่บ้าน ทำให้ตนตกใจ ทำให้ตนกลัว แต่ถ้าตนไม่พูดอะไร ตนกลัวจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นกับตน ตนเลยตัดสินใจพูดทุกอย่าง ตนได้อธิบายให้กับเจ้าหน้าที่ฟังว่า ตนเจอแบบนี้ ๆ อธิบายให้กับเจ้าหน้าที่ว่าเขามีพิรุธอย่างนั้นอย่างนี้ และวันที่เกิดเหตุ เขารู้ได้ยังไง เพราะเขาเข้ามาพูดกับตน มาเตือนตนให้เปลี่ยนแปลงเวลา เพราะเวลานั้นเป็นเวลาเด็กหาย ย้อนกลับไปตอนที่เห็น “ลุงพล” ตนลงมาจากที่ทำงาน ไปฉีดยาฆ่าหญ้าข้างบนเขา ก็ลงมานอนพักผ่อนใต้ถุนบ้าน มองเห็นเขากำลังกรีดยาง ตนก็ตะโกนถามเขา แต่เขาพูดมีพิรุธ คือ ซักถามตนว่าตนอยู่ตรงไหน ทำอะไรมา พอตนตอบคำถามเขา เขาก็ตกใจ กระวนกระวาย ซึ่งจุดที่พบกันนั้นเป็นจุดที่อยู่ใกล้บ้านแม่น้องชมพู่กับบนเขา มันเชื่อมหากันได้ และจุดนั้นเขาไม่เคยไปกรีด เพราะมันเป็นสวนคนอื่น อีกทั้งการจะกรีดยางต้องมีหมวก มีชุดที่กันยุงแต่เขาไม่มีอะไรเลย ยอมรับว่ากลัว หลังจากที่ทราบว่า ลุงพลได้ประกันตัว เพราะครั้งที่ผ่านมาเขาเคยมาคุกคาม มาทำร้ายผม ตอนพิสูจน์หลักฐานเข้ามา ตนยืนอยู่หน้าบ้าน พอตำรวจออกมาหมด ตนก็กำลังจะเดินเข้าบ้าน เขาก็ขับรถมาบีบเแตรให้ตนหยุด และจะเข้ามาทำร้าย แต่เขามองเห็นลูกชายตนอยู่ด้วย เขาก็เลยไม่กล้า เลยบังคับให้ตยเปลี่ยนเวลา วันที่ เปลี่ยนความจริงแทน