อัยการสูงสุดของ 18 รัฐในอเมริกา ดำเนินการทางกฎหมายเพื่อหยุดยั้งความพยายามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ต้องการล้มเลิกการยืนยันการได้สิทธิเป็นพลเมืองอเมริกันโดยอัตโนมัติ ที่มาจากการเกิดในประเทศ
เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นวันเเรกของการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ของทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร ที่พยายามยกเลิกนโยบายคนเข้าเมืองที่มีมาหลายสิบปี โดยที่นโยบายดังกล่าวการันตีสิทธิการได้สัญชาติอเมริกันสำหรับเด็กที่เกิดในสหรัฐฯ โดยไม่คำนึงถึงสถานะคนเข้าเมืองของผู้ปกครองเด็ก
คำสั่งฝ่ายบริหารความยาว 700 คำนี้ เป็นไปตามแนวนโยบายที่ทรัมป์ใช้หาเสียงเป็นประธานาธิบดี และสามารถชนะเลือกตั้งเหนือตัวเเทนของพรรคเดโมเเครต อดีตรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส เมื่อเดือนพฤศจิยายน
แต่ความตั้งใจของทรัมป์ ยังเผชิญความไม่แน่นอนอยู่ หากพิจารณาถึงปฏิกิริยาของรัฐ 18 รัฐและเมืองอีก 2 แห่ง คือกรุงวอชิงตันและนครซานฟรานซิสโก ที่เดินเรื่องท้าทายทางกฎหมายในวันอังคารเพื่อสกัดความพยายามของผู้นำสหรัฐฯ ครั้งนี้
ทั้งนี้แนวทางปฏิบัติของนโยบายคนต่างด้าวในเรื่องนี้ อ้างอิงบทแก้ไขเพิ่มเติมของรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ข้อที่ 14 หรือ 14th Amendment ตามความเห็นของฝ่ายสนับสนุนสิทธิของทารกที่เกิดในสหรัฐฯ
การไม่พิจารณาว่าพ่อเเม่ของเด็กอยู่ในสหรัฐฯ ด้วยสถานะทางกฎหมายใด ทำให้ นักท่องเที่ยว ผู้ถือวีซ่าประเภทต่าง ๆ รวมทั้งคนเข้าเมืองผิดกฎหมายสามารถเป็นผู้ปกครองของชาวอเมริกันได้ ตามสิทธิที่ได้จากการเกิดในแผ่นดินสหรัฐฯ
แต่ทรัมป์ และแนวร่วมของเขามิได้เห็นด้วยกับการตีความ 14th Amendment เช่นนั้น และเห็นว่าสหรัฐฯ ควรมีเกณฑ์ที่ยากขึ้นสำหรับการให้สัญชาติ
คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ตั้งคำถามต่อ 14th Amendment โดยสร้างเงื่อนไขที่โยงกับสถานะของพ่อและเเม่ของเด็กที่เกิดในอเมริกา
บทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ เกิดขึ้นหลังสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ และได้รับการรับรองทางกฎหมายในปี 1868 โดยมีเนื้อหาว่า “บุคคลทุกรายที่เกิดหรือได้สัญชาติในสหรัฐฯ และอยู่ภายใต้กฎหมาย (ของสหรัฐฯ) เป็นประชาชนสหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่ที่เขาอาศัยอยู่”
คำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ระงับการให้สัญชาติอเมริกันต่อเด็กที่มีเเม่อยู่ในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย และพ่อที่ไม่ใช่ชาวอเมริกันหรืออยู่ในสหรัฐฯ เป็นการถาวรอย่างไม่ถูกต้อง และต่อเด็กที่มีเเม่อยู่ในสหรัฐฯ ถูกกฎหมายเพียงการชั่วคราว กับพ่อที่ไม่ใช่ชาวอเมริกันหรืออยู่ในสหรัฐฯ เป็นการถาวรอย่างไม่ถูกต้อง
คำสั่งนี้ห้ามหน่วยงานของรัฐบาลยอมรับการได้สัญชาติของทารกที่อยู่ภายในเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น โดยจะมีผล 30 วันหลังจากวันอังคาร ซึ่งตรงกับวันที่ 19 ก.พ.
- อือหือออ เปิด 8 ปมใหญ่ “ทรัมป์” ประกาศจะทำ มีทั้งเป่าคดีตัวเอง-ถอนคุ้มครองคนข้ามเพศ
- ทรัมป์ไม่ใช่คนแรก ย้อนประวัติศาสตร์ “ลอบสังหาร” ปธน.สหรัฐฯ ครั้งแรกเกิดขึ้นในยุคใคร?
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า 14th Amendment ของรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ไม่ได้การันตีสัญชาติของทารกที่เกิดในอเมริกาเสมอไป
ตัวอย่างเช่นรัฐสภาอเมริกันไม่ได้ให้สัญชาติชาวอเมริกันพื้นเมืองทุกคนที่เกิดในสหรัฐฯ จนกระทั่งปี 1924
และในปี 1898 ศาลสูงสหรัฐฯ ตัดสินให้ หว่อง คิม อาร์ก ชายที่เกิดในซานฟรานซิสโก จากพ่อเเม่ที่เป็นผู้อพยพชาวจีน เป็นประชาชนอเมริกัน ด้วยเหตุผลที่เขาเกิดในสหรัฐฯ
คดีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่เขาเดินทางไปต่างประเทศและถูกปฏิเสธโดยรัฐบาลกลางที่ไม่ให้เขากลับเข้าสหรัฐฯ ในตอนนั้นรัฐบาลให้เหตุผลว่า หว่อง คิม อาร์กไม่ใช่ประชาชนอเมริกัน ภายใต้กฎหมายที่ชื่อ Chinese Exclusion Act
ผู้ที่ต้องการยับยั้งสิทธิการเป็นพลเมืองโดยอัตโนมัติบางราย กล่าวว่าคดีดังกล่าวใช้กับผู้ที่เกิดในประเทศ ซึ่งมีพ่อและเเม่เป็นคนต่างด้าวที่ถูกกฎหมาย แต่ชี้ว่า มีความไม่ชัดเจนว่าคำตัดสินของศาลในตอนนั้นสามารถนำมาอ้างอิงได้กับกรณีที่พ่อและเเม่ของเด็กไม่มีสถานะทางกฎหมายมารองรับการอยู่ในประเทศ
รัฐคอนเนคติคัต คือหนึ่งใน 18 รัฐที่เดินเรื่องทางกฎหมายเพื่อสกัดความพยายามของประธานาธิบดีทรัมป์
วิลเลียม ตง อัยการของรัฐนี้ ซึ่งเป็นชาวอเมริกันจากการเกิดในประเทศนี้ และเป็นคนอเมริกันเชื้อสายจีนรายเเรกที่ได้เป็นอัยการสูงสุดของรัฐ กล่าวว่าการฟ้องร้องครั้งนี้ถือเป็นเรื่องส่วนตัวสำหรับเขา
“บทแก้ไขเพิ่มเติม 14th Amendment ระบุไว้ตามความหมายของมัน ถ้าคุณเกิดในแผ่นดินอเมริกัน คุณคือชาวอเมริกัน ตามนั้นและเเค่นั้น” ตงกล่าว
ส่วนองค์กรด้านสิทธิพลเมือง American Civil Liberties Union ซึ่งเดินเรื่องทางกฎหมายเพื่อคัดค้านทรัมป์เช่นกัน ระบุว่า “การถอดถอน ‘สมบัติอันสุดล้ำค่า’ แห่งการเป็นประชาชนจากเด็ก ๆ เป็นการสร้างความเสียหายที่ร้ายแรง…มันปฏิเสธเด็ก ๆ ไม่ให้สามารถเป็นสมาชิกอย่างเต็มรูปแบบในสังคมอเมริกันที่เขามีสิทธิ”