ทัพภาค 1 เสียใจ ทหารซ้อมเมีย โทษสูงสุด สั่งขัง 30 วัน หากศาลสั่งจำคุก ต้องปลดออกราชการ ย้ำผู้บังคับบัญชาดูแลให้ทั่วถึง ฉาวว่อนกระทบภาพลักษณ์
เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2566 ที่กองทัพภาคที่ 1 พ.อ.เทพพิทักษ์ นิมิตร รอง ผบ.กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการกำลังพล กรณีทำร้ายร่างกายภรรยาว่า ปัจจุบันหน่วยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนและลงโทษทางวินัยกำลังพลคนดังกล่าว ด้วยการจำขัง 30 วัน ส่วนโทษอื่นๆ อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ
พ.อ.เทพพิทักษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการทำร้ายร่างกาย แม้จะเป็นเรื่องส่วนตัวของคู่กรณี แต่หน่วยได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการดำเนินคดีให้เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย พร้อมประสานคู่กรณีเยียวยาตามความเหมาะสม ให้เกิดความยุติธรรมสูงสุด
พ.อ.เทพพิทักษ์ กล่าวอีกว่า กองทัพภาคที่ 1 ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่กำลังพลได้แก้ปัญหาโดยการใช้ความรุนแรงต่อบุคคลในครอบครัว พร้อมทั้งจะติดตามความคืบหน้าการดำเนินการทางคดีให้เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย และกำชับให้หน่วยงานต้นสังกัดอำนวยความสะดวก เพื่อคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหว การดำเนินการใดๆ ทุกฝ่ายต้องตระหนักถึงผลกระทบ ทางด้านจิตใจ และสภาวะทางสังคมอย่างรอบด้าน
ด้าน พ.อ.พิเชียรรัฐ ภารัญนิตย์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ กล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ได้รับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้น โดยหน่วยจะเป็นตัวกลางในการพิจารณาการกระทำความผิดว่าอยู่ในข่ายประมวลกฎหมายทหารหรือไม่ ส่วนผู้บังคับบัญชาสองระดับต้องถูกลงโทษด้วย ในฐานะไม่กำกับดูแลพ.อ.พิเชียรรัฐ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าการลงโทษกำลังพลผู้ก่อเหตุด้วยการจำขัง 30 วัน ที่เรือนจำ มทบ.14 ถือเป็นโทษสูงสุดในเรื่องการทำร้ายร่างกาย และใช้บังคับกับกำลังพลทุกระดับชั้นไม่ว่าจะเป็นทหารประทวน หรือสัญญาบัตร ส่วนการปลดออกจากราชการอยู่ในดุลพินิจของศาลพลเรือนหากกำลังพลดังกล่าวต้องโทษจำคุก ก็ต้องปลดออกจากราชการ
พ.อ.พิเชียรรัฐ กล่าวอีกว่า ฝากไปถึงกำลังพลทุกคนว่า การดำเนินการใดๆ กับคนในครอบครัว โดยการใช้ความรุนแรง มีความผิดทางทหารและกฎหมายอาญา หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ควรแจ้งหน่วยต้นสังกัด เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย แต่เมื่อเรื่องดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของหน่วย และยอมรับว่าแม้ปัญหาภายในครอบครัวของกำลังพลจะเป็นเรื่องที่ควบคุมยาก แต่เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาที่จะต้องกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด เพื่อทำความเข้าใจ และไม่มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นอีก