‘ทักษิณ’ เสียใจสุดซึ้ง ต่อการจากไปของ ‘ชินโซ อาเบะ’ ขอประณามผู้กระทำรุนแรง รับเสียดายและเสียใจที่จากไปด้วยวัยเพียง 67 ขออธิษฐานให้คุณงามความดีส่งดวงวิญญาณขสู่สุขคติ
เมื่อวันที่ 9 ก.ค.65 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย โพสต์เฟซบุ๊กถึงการจากไปของนายชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น โดยระบุว่า
ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของอดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น นาย Shinzo Abe (ชินโซ อาเบะ) ผู้ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุด และเป็นผู้ฟื้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้อย่างเข้มแข็ง ด้วยหลักเศรษฐกิจที่ถูกขนานนามว่า Abenomics (อาเบะโนมิกส์)
ผมขอประณามต่อผู้กระทำรุนแรง และผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารครั้งนี้ (หากมี) ด้วยคำพูดที่รุนแรงที่สุด
ท่านนายกรัฐมนตรี Abe กับผมมีโอกาสรู้จักกันตั้งแต่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ท่าน Abe ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ภายใต้การนำของอดีตนายกฯ Juichiro Koizumi (จุนอิจิโร่ โคอิซุมิ) ซึ่งผมจะพบท่านทุกครั้งที่มีการประชุมหารือทวิภาคีกับท่าน Koizumi
เมื่อครั้งท่าน Abe เป็นฝ่ายค้าน ผมได้มีโอกาสเที่ยวญี่ปุ่น เมื่อท่านทราบท่านก็จะแวะมาทานอาหารเช้ากับผมที่ห้องพักในโรงแรมผมถึง 2 ครั้ง และล่าสุดที่ผมได้พบท่านคือเมื่อท่านกลับไปเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ท่านได้กรุณาเลี้ยงอาหารกลางวันผมที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียวพร้อมรัฐมนตรีในคณะบางท่าน
ผมมีความประทับใจทุกครั้งที่ได้พบกับท่าน เราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางเศรษฐกิจต่อกันและพูดถึงความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นมาโดยตลอด ท่าน Abe เป็นผู้ยกเลิกการทำวีซ่าคนไทยเข้าญี่ปุ่นในฐานะนักท่องเที่ยว
ผมเสียดายและเสียใจที่ท่านต้องจากไปด้วยวัยเพียง 67 ผมขออธิษฐานให้คุณงามความดีที่ท่านได้ทำให้ประเทศญี่ปุ่นและคนญี่ปุ่นจงส่งดวงวิญญาณของท่านไปสู่สุขคติเทอญ
I am deeply saddened by the passing of H.E. Shinzo Abe, the longest serving Prime Minister of Japan. He was renowned as the savior who revived and strengthen Japanese economy based on renowned “Abenomics”.
I condemn in the strongest terms the person who perpetuated violence against the Ex-Premier.
I first met the Former Prime Minister Abe during my Premiership at bilateral meetings between Thailand and Japan. At that time he was one of the cabinet member under H.E. Juichiro Koizumi
During the time when he was in the opposition, he would always visit and had breakfast or lunches with me at my hotel room everytime I visited Japan. The last time I met him during his Premiership, he kindly hosted me and some of his Cabinet Members lunch in Tokyo.
Every time we met, I was impressed with how we could exchange ideas on economies and our countries’ relationships. H.E. Abe is the one who cancelled travelling visa for Thai people to enter Japan.
I deeply regret his tragic and premature passing at such an age of 67. My heart, thoughts and prayers are with H.E. Abe’s family and the people of Japan.
May his soul rests in peace.