‘ทักษิณ’ สั่งตายไม่ต้องเผา ให้การต่อสู้-ชีวิตเป็นอมตะของครอบครัว เผยรู้ใครลอบสังหาร 4 ครั้ง เรื่องนี้ภายในครอบครัวเรารู้หมด เพราะไม่อยากให้เขาต้องไปเจอกับคนที่ไม่คิดดีกับเรา
วันที่ 26 ก.ค.65 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เผยแพร่คลิปในวันคล้ายวันเกิด ครบรอบ 73 ปี ผ่านเว็บไซต์ Thaksinofficial โดยเป็นคลิปวิดีโอที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์เรื่องเส้นทางชีวิต ครอบครัว โอกาสกลับเมืองไทย และคำสั่งเสียว่าถ้าตายไม่เผา
คลิปวิดีโอช่วงหนึ่ง นายทักษิณกล่าวว่า “ผมอาจโง่เรื่องคน เพราะประสบการณ์เป็นคนบ้านนอก ชีวิตเราง่ายๆ เราอยู่บ้านนอกโตบ้านนอก พอมาอยู่กรุงเทพฯ ชีวิตมันก้าวกระโดด มันผ่านสังคมกรุงเทพฯ น้อยไป สังคมของ elite น้อยไป เราจึงไม่อยู่ในสังคม elite แม้ฐานะเราอยู่ในสังคม elite แต่แทนที่จะเข้าไปคบสังคม elite ไปเข้าการเมือง ก็เลยกลายเป็นคนซื่อบื้อคนหนึ่ง”
“ต้องเบลมตัวเองว่า เหมือนกับเรายังไม่รู้วิธีอยู่ในป่า เราไม่เข้าใจ และเราถูกปล่อยเข้าไป บางทีเขาบอก say yes อาจจะมี no ซึ่งเราไม่เข้าใจ เราแค่ yes คือ yes no คือ no พอเราไปเจอ yes but me no เราตายแล้ว เพราะเราคิดว่าทุกคนคงเหมือนเรา ชีวิตเรา simple มาก แต่ชีวิตของคนอีลีท ยิ่งเป็นอีลีทนาน ๆ ยิ่ง complicate เป็นชีวิตที่เร้นลับ ซับซ้อน เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ แต่ไม่คิดว่าเรียนรู้แล้ว แก่แล้ว เอาความรู้ที่เรามีทางวิชาการ สอนหนังสือไป สอนลูกหลาน”
“ไม่ได้ถึงกับ hurt หรอก เพียงแต่ว่าเสียดายตัวเอง น่าจะเป็นประโยชน์กับบ้านเมืองมากกว่านี้ ผมไม่เคยกลัวตาย ผมโดนสังหารมา 4 รอบแล้ว ผมเฉยๆ ผมถือว่าถ้าคนเราจะตายมันก็ตาย ยังไม่ตายก็คือยังไม่ตาย”
ถามว่าทั้ง 4 ครั้ง ให้อภัยหมดหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า เป็นเรื่องที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เพราะผมไม่ค่อยเชื่อว่าชาติที่แล้ว ชาติหน้า ไม่รู้เป็นกรรมเป็นเวรอะไร
“มันไม่เกิดขึ้นลอยๆ ผมก็รู้ว่าใครเป็นคนทำ เรื่องนี้ภายในครอบครัวเรารู้หมด เพราะเราไม่อยากให้เขาต้องไปเจอกับคนที่ไม่คิดดีกับเรา เมื่อเจอแล้วต้องระวังตัว แค่นั้นเอง”
นายทักษิณพูดถึงการเมืองว่า “การเมืองเป็น zero sum game ถ้าเราสุขเขาจะทุกข์ ถ้าเราทุกข์เขาจะสุข ทำไมไปทุกข์เพื่อให้เขาสุข เราต้องสุขเพื่อให้เขาทุกข์ จะเจอหน้าผมถ่ายรูปสัมภาษณ์ที่ไร ดูผมไม่ทุกข์ 16 ปีแล้วนะ ไม่ทุกข์ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป คนที่รักเราจะได้มีความสุขไปด้วย”
เมื่อถามว่า ยืนมองกระจกกำลังเห็นใครอยู่ นายทักษิณตอบว่า “เห็นคุณหญิง (คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์) ผมสงสารคุณหญิง ผมตัดสินใจที่จะกลับเมืองไทย เพราะคุณหญิงรับภาระมาเยอะ รับภาระแทนผมมาเยอะ สงสาร”
เมื่อถามว่าจะเปลี่ยนความสงสารออกจากใจได้หรือไม่ นายทักษิณตอบว่า “เมื่อกลับไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง ได้กลับไปอยู่กับครอบครัวแล้ว มันก็จบ ทุกอย่าง ซึ่งวันนั้นผมกลับไปอยู่กับครอบครัวแล้ว ผมก็ต้องทำตัวให้แข็งแรงขึ้นเพื่อชดเชยเวลาที่หายไป ผมก็อาจจะเล่นกับเทคโนโลยีมากขึ้น เพราะเราไม่สามารถเดินทางได้เยอะเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้น ผมก็ต้องใช้เทคโนโลยีช่วย เพื่อให้ตัวเองไม่บกพร่อง”
“หลานผม ผมจะทำ Augmented reality (AR) ทิ้งไว้ให้เขา สามารถ set time and location เพื่อบอกว่าวันที่เท่านั้น เวลานั้น ไปอยู่ตรงนั้น จะได้เห็นภาพผมและเสียผม เหมือนกับอวยพรวันเกิดเขาทุกปี เผื่อไว้ เป็นแบบนั้น”
ไม่ได้คาดหวังว่าหลานต้องต่อสู้ไปเป็นผู้นำประเทศ เพื่อช่วยประชาชน นายทักษิณ ตอบว่า ไม่ เขาคิดเองเป็น เพียงแต่ว่า เราต้องการให้เราอยู่กับเขา รักและห่วงใยเขา มีกำลังใจ เหมือนกับมีตาอยู่ด้วยตลอด
“และผมเองผมสั่งครอบครัวแล้วนะ ตายไม่เผา ให้เก็บไว้ เก็บร่างไว้ ไม่ให้เผา นี่คือสิ่งที่ผมต้องการให้การต่อสู้ของผม ให้ชีวิตผมเป็นอมตะของครอบครัว ของลูกหลาน”