‘ทวี’ หารือสภาชนเผ่าพื้นเมืองฯ สนับสนุนพรรคประชาชาติ ผลักดัน (ร่าง) พ.ร.บ.สภาชนเผ่าพื้นเมืองเข้าสภาฯ หวังยกระดับสังคม ทำให้คนใกล้เคียงกับคนหรือเท่ากัน
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.65 ที่สำนักงานพรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคประชาชาติ, นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนราธิวาส เขต 4 พรรคประชาชาติ, นายสุรพล นาควานิช ผู้อำนวยการพรรค และนายทะเบียนพรรค, นายธงชาติ รัตนวิชา ประธานคณะทำงานด้านกิจการรัฐสภา และคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาชาติ, นายมนตรี บุญจรัส รองโฆษกพรรคประชาชาติ น.ส.อนุสรา มู่ฮัมหมัด คณะทำงานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคประชาชาติ
ให้การต้อนรับ สภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย IMN เครือข่ายสื่อชนเผ่าพื้นเมือง ที่เดินทางมาเข้าพบพรรคประชาชาติ เพื่อประชุม หารือ แลกเปลี่ยนความเห็นในการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับชนเผ่าพื้นเมือง และต้องการผลักดันร่าง พ.ร.บ.สภาชนเผ่าพื้นเมืองและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับชนเผ่าพื้นเมืองและชาติพันธุ์ เข้าสู่สภาฯ
รวมทั้งเชิญชวนพรรคประชาชาติ และเครือข่าย มาร่วมรณรงค์และสนับสนุน (ร่าง) พ.ร.บ.สภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย พ.ศ. .. “ยอมรับตัวตน คุ้มครองสิทธิ ส่งเสริมวิถีชนเผ่าพื้นเมืองทุกกลุ่มชาติพันธุ์ของประเทศไทย”
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า พรรคประชาชาติขอขอบคุณทุกท่านที่เป็นตัวแทนในการนำข้อมูลที่สำคัญเรื่องที่สำคัญ อย่างร่างฯพระราชบัญญัติสภาชนเผ่าพื้นเมืองฯ ที่ทุกท่านมีส่วนร่วม เห็นว่าถ้ามีกฎหมายชนิดนี้ขึ้นมาจะเป็นการยกระดับสังคมไทย ที่ทำให้คนใกล้เคียงกับคนหรือเท่ากับคนขึ้นมา
โดยการก่อกำเนิดของพรรคประชาชาติ ถ้าถามอุดมการณ์และก็นโยบายของพรรคนี้ ก็คือเรามองว่าเราให้ความสำคัญกับการมีคุณค่า มีศักดิ์ศรี และก็จะมีความเสมอภาคไม่ว่าจะมีแตกต่างหลากหลาย แต่ว่ามนุษย์ทุกคนจะต้องได้รับเกียรติ มีความเสมอหน้ากัน คือนโยบายหลักของพรรคประชาชาติ
“นโยบายหลักของพรรคประชาชาตินั้น เราเชื่อว่าในการปกครองระบอบประชาธิปไตย วันที่ทำให้คนเท่ากับคน ก็คือวันที่คนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง คนรวยที่สุดกับคนไม่ว่าจะอยู่บนดอยหรืออยู่ใดๆ ก็ตาม ถ้าไปใช้สิทธิ์เสียงของคนจะเท่ากัน หนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียง แต่หนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียง มันควรจะเป็นหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงที่มีเกียรติยศเท่ากัน
แต่ความเป็นจริง เรายังมีความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำที่เกิดจากมนุษย์สร้าง ที่ไม่ใช้วัตถุ มนุษย์สร้างกฎหมาย กฎหมายจำนวนมากของสังคมไทย จะเป็นกฎหมายในลักษณะชาตินิยม อำนาจนิยม เมื่อความนิยมว่าวัฒนธรรมหนึ่งใหญ่ไปกว่าวัฒนธรรมหนึ่ง ตัวคนออกกฎหมายใหญ่ อีกคนผู้บังคับใช้กฎหมายมันจึงมีลักษณะกฎหมายกดทับ กดทับอย่างเดียวไม่พอ บางส่วนทำลายวัฒนธรรม ทำลายความเชื่อทำลายเผ่าพันธุ์
โดยเฉพาะกฎหมายที่ระบุว่าอันตรายต่อรัฐ เป็นอันตรายต่อความมั่นคง หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อย ทำให้เกิดอคติต่อชนเผ่าหรือชาติพันธ์ คนบนดอยจะมีกฎหมายจำนวนมากที่มองว่าเป็นคนผิด เพราะอยู่บนดอย เช่น คนดอยรุกป่า ทั้งๆที่จริง คือว่าคนในที่ราบที่ไม่มีป่า แสดงว่าที่ราบต้องรุก แต่ถูกมองเป็นคนดี แต่บนดอยยังมีป่าอยู่กับมองเป็นคนรุกป่า” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า วันนี้เราได้รับฟังข้อมูล ตัวกฎหมายก็สิ่งที่บอกไว้ 2 เรื่อง เรื่องแรกนั้น วาระแรกพรรคประชาชาติมีคณะไปช่วยดูช่วยศึกษา แต่เราก็เชื่อมั่นอยู่แล้วว่า ถ้ากฎหมายที่ประชาชนเสนอ ตัวพรรคประชาชาติเราไม่ได้อยากจะไปแก้ไขอะไรเลย แม้แต่แรกเดิม เราอยากจะส่งเสริม เพราะว่าคนที่เป็นประชาชน ไม่มีเงินเดือนเหมือน ส.ส. ที่มีเงินเดือนมีอาหารฟรี ขึ้นเครื่องบินก็ฟรี พวกเรานี้ขึ้นเครื่องบินเสียเงินหมด ดังนั้น เราก็จะพยายามรักษาไว้
วาระที่สองก็จะมาดูว่า กฎหมายควรให้เกิดความยุติธรรมกับคนส่วนใหญ่ และคนในประเทศหมดทุกคน ในส่วนของพรรคประชาชาติในฐานะที่พรรคเรามีพรรคร่วมฝ่ายค้านอยู่จะนำไปเข้าเวทีพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีข้อสังเกตกรณีประชาชนส่วนใหญ่ที่พบว่า เสียงของประชาชนถ้าในทางการปกครองหรือในทางกฎหมายจะเป็นเสียงที่ไม่เป็นเสียง แต่คนบางคนส่วนน้อยเสียงดังมากกว่า โดยเฉพาะชนเผ่าพื้นเมือง เป็นเสียงที่นอกจากจะไม่มีเสียงแล้ว เป็นเสียงที่รัฐมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงก็ได้
“พรรคประชาชาติเราเชื่อว่า ถ้าเราทำให้คนเท่า ทำให้สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค ความยุติธรรม ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้ประชาชนครับ” พ.ต.อ.ทวี กล่าว