‘ทวี สอดส่อง’ ชี้ประเทศวิกฤตเพราะผู้นำไม่ดี ซัดรัฐบาลประยุทธ์คอร์รัปชั่นสุดซอย ก่อเหลื่อมล้ำมากที่สุด มั่นใจฝ่ายค้านมีข้อมูลสำคัญอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เมื่อเวลา 17.40 น. วันที่ 6 พ.ค.65 ที่ห้องวันวาน เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา พรรคร่วมฝ่ายค้านจัดประชุมหัวข้อ “ผนึกกำลัง ขีดเส้นใต้ความล้มเหลว ขีดเส้นตายรัฐบาลสิ้นสภาพ” โดยมีแกนนำและตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าร่วมอย่างคึกคัก อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร, นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล, นายวิรัตน์ วรศสิริน รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ, นายเทวกฤต พรหมมา รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย เป็นต้น
พ.ต.อ.ทวี กล่าวในที่ประชุมว่า วิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง เนื่องจากเรามีผู้นำไม่ดี เมื่อเรามีผู้นำไม่ดี ก็เกิดวิกฤตกับประชาชน สิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นผู้นำไม่ดีคือ การบริหารราชการแผ่นดิน ไม่คิดเลยว่าในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาล ประเทศไทยเราจะมีการคอรัปชั่นสุดซอย จะเห็นได้จากดัชนีคอร์รัปชั่นของโลก ซึ่งมี 180 ประเทศ ตอนเข้ามาใหม่ๆ ปี 2558 ดัชนีคอร์รัปชั่นจะอยู่อันดับที่ 80 กว่าๆ แต่พอมาถึงปี 2564 มาอยู่อันดับที่ 110 ก็ถือว่าเป็นการคอรัปชั่นสุดซอยแล้ว
การคอร์รัปชั่นสุดซอย นำไปสู่การส่งมรดกความเหลื่อมล้ำตั้งแต่เกิดถึงเชิงตะกอน คือความเหลื่อมล้ำมากที่สุด จากตัวเลขความเหลื่อมล้ำจะเห็นได้จากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2566 ที่เกิดขึ้นในเรื่อง “สวัสดิการ” เราเชื่อว่าสวัสดิการต้องถ้วนหน้าคือสิทธิเสมอกัน เด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ขวบ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศจะให้เด็กทุกคน
แต่ความจริงปีที่แล้วและปีนี้ก็ยังให้ครึ่งหนึ่ง เห็นได้ชัดเจนเลยว่า เป็นการเลือกปฏิบัติ เป็นการสงเคราะห์เลือกให้สวัสดิการเด็กเกิดมาก็ไม่ได้รับความยุติธรรม อันนี้คือมะเร็งร้ายที่ตอกย้ำ ครอบงำ อยู่ๆก็มาสร้างความเดือดร้อนและความเหลื่อมล้ำตั้งแต่เกิด
“ในด้านผู้สูงอายุถึงเชิงตะกอนนั้นสวัสดิการถ้วนหน้า จะมีเฉพาะผู้เป็นอดีตข้าราชการหรือผู้เกษียณอายุที่ทวีความเหลื่อมล้ำกับสวัสดิการประชาชนมาก จากตัวเลขงบประมาณแผ่นดินตั้งแต่ปี 2557 ช่วงนั้นเราพบว่าเงินสวัสดิการของข้าราชการที่เกษียณอายุที่มีประมาณ 3 ล้านคน เงินบำเหน็จบำนาญแสนกว่าล้าน
แต่วันนี้มีตัวเลขข้าราชการที่เกษียณตำแหน่งต่างๆ ได้รับสวัสดิการ 4 แสนกว่าล้าน แต่ประชาชน 66 ล้านคน ได้รับสวัสดิการแค่ 3 แสนกว่าล้าน นี่คือตัวอย่างของความเหลื่อมล้ำ ถ้าท่านบริหารประเทศในลักษณะเช่นนี้ เป็นความยากที่ประชาชนจะอยู่ดีกินดี” เลขาธิการพรรคประชาชาติ ระบุ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า การบริหารประเทศ คือการใช้ทรัพยากร ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งเป็นปัจจัยของมนุษย์ แต่รัฐบาลกลับใช้ไปในทางทุจริตและสร้างความเหลื่อมล้ำด้วยระบบสัมปทานผูกขาดให้กลุ่มทุนผูกขาด เห็นได้จากการประมูลโครงการวางระบบท่อส่งน้ำในภาคตะวันออก และโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) น้ำที่จะมาใช้ในการอุปโภคบริโภค
ต้นทุนน้ำที่กลุ่มทุนผู้ขาดซื้อจากประชาชนประมาณบาทกว่าๆ ต่อลูกบาศก์เมตร แต่ระบบผูกขาดไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ได้รับสัมปทาน เอามาขายต่อท่อไปให้ประชาชนในราคา 10 กว่าบาทต่อลูกบาศก์เมตร นี่เป็นเรื่องผลประโยชน์การหากินบนความเดือดร้อนของประชาชนทุกขั้นตอนแล้วก็มาแย่งชิงทรัพยากรที่เป็นพลังงานทุกอย่าง ทั้ง ดิน น้ำ ลม ไฟ สิ่งต่างๆ มันเป็นทรัพยากรของประชาชน
“ความเป็นผู้นำที่ไม่ดี ซึ่งหมายถึงคณะรัฐมนตรีทั้งหมด ไปสร้างความเดือดร้อน ความทุกข์ระทมให้กับประชาชน ซึ่งผมก็มีข้อมูลที่สำคัญ ผมเชื่อว่าถ้าพรรคฝ่ายค้านได้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจคราวนี้ พรรคต่างๆ จะทำให้ประชาชนเห็น แม้ว่ามือในสภาเขาจะมีมาก แต่มันเป็นมือในสภาที่ผ่านกฎหมาย ไม่ใช่มือในสภาที่มาสนับสนุนการทุจริตคอร์รัปชั่น รัฐบาลไม่ควรจะอยู่สร้างภาระให้ประชาชน วันนี้ประชาชนมีวิกฤต เพราะผู้นำไม่ดี” พ.ต.อ.ทวี กล่าว