ตำรวจภูธรภาค3 ทลายเครือข่ายขบวนการขนคนจีนทุนสีเทา เตรียมตั้งฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมข้ามชาติ ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน
วันที่ 22 พ.ค. 66 ที่อาคารตำรวจภูธรภาค3 จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค3 แถลงผลการจับกุมขบวนการลักลอบนำคนต่างด้าวสัญชาติจีน หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทย
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง , ตม.และ สภ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ได้จับกุมผู้ต้องหาคนไทย จำนวน 1 คน ลักลอบนำพาคนสัญชาติจีน จำนวน 3 คน เข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยคาดว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ อาทิ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ต่อมาเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 66 พ.ต.อ.ทศพร เพียรปรุ ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.3 , พ.ต.อ.ชาญชัย อินนรา ผกก.สส.ภ.จว.อุบลราชธานี พร้อมกำลังชุดสืบสวน ได้สืบสวนขยายผลกรณีดังกล่าว กระทั่งสามารถจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิดที่ลักลอบนำคนสัญชาติจีนกลุ่มดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรเพิ่มเติมได้อีก 2 คน คือ นายเบนซ์ อายุ 31 ปี จับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ จ.97/2566 ลงวันที่ 19 เม.ย. 66 และ นายจุ๋น อายุ 35 ปี จับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ จ.98/2566 ลงวันที่ 19 เม.ย. 66 ในความผิดฐาน ร่วมกันรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ให้เข้าอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม
พล.ต.ท.สมประสงค์ เปิดเผยว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าว ร่วมกันกระทำความผิดเป็นขบวนการ โดยแบ่งหน้าที่กันทำในแต่ละขั้นตอน เริ่มจากขั้นตอนการติดต่อกับนายหน้าชาวลาวเพื่อจัดหาชาวจีนที่ต้องการลักลอบข้ามชายแดนเข้ามาในไทยตามช่องทางธรรมชาติ โดยเฉพาะพื้นที่ตะเข็บชายแดนไทย – สปป.ลาว , จัดหารถยนต์เพื่อลักลอบนำคนจีนไปส่งยังพื้นที่ทางตอนเหนือของไทยโดยเฉพาะ อ.แม่สอด จ.ตาก และลักลอบข้ามชายแดนไทยออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
โดยการเดินทางแต่ละครั้งจะมีการใช้รถยนต์อย่างน้อย 2-3 คัน ทำหน้าที่เป็นรถยนต์ส่วนล่วงหน้า รถยนต์ขนคนจีน และคันปิดท้าย เพื่อส่งความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ให้ทุกคันทราบตลอดระยะเวลาการเดินทางไปส่งคนจีนยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งผู้ร่วมกระทำความผิดดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเครือญาติ และคนในหมู่บ้านเดียวกัน
โดยแบ่งเงินค่าจ้างขนคนจีนในแต่ละครั้งเป็นเงินจำนวนหลายหมื่นบาทต่อคัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สืบสวนติดตามอย่างต่อเนื่อง กระทั่งพบว่า กลุ่มขบวนการดังกล่าวเริ่มมีความเคลื่อนไหวเตรียมขนคนจีนเข้ามาในราชอาณาจักร บริเวณ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี และคาดว่าจะนำไปส่งยังพื้นที่ทางภาคเหนือของประเทศไทย จึงวางแผนติดตามจับกุม โดยการสะกดรอยและติดตามรถยนต์ของกลุ่มขบวนการดังกล่าว จนไปถึงหน้าจุดบริการประชาชนตำรวจทางหลวงทรัพย์ไพรวัลย์ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
จึงประสานงานตำรวจทางหลวงสกัดรถยนต์ดังกล่าว และตรวจสอบพบบุคคลสัญชาติจีน จำนวน 4 คน ที่นั่งอยู่ภายในรถยนต์ โตโยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน อุบลราชธานี ซึ่งมีนายวันชนะ เป็นคนขับ และมีรถยนต์โตโยต้า วีโก้สีเทา ทะเบียนชลบุรี เป็นรถนำทาง ซึ่งมีนายสมพงษ์ เป็นผู้ขับ กับมีนายธงชัย , นางมณีวัล และนายอัคณี นั่งมาในรถยนต์คันดังกล่าว
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ จึงแจ้งข้อหา ร่วมกัน รู้ว่าเป็นคนต่างด้าว คนใด เข้ามาในราชอาญาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ให้เข้าอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้น พ้นจากการจับกุม และได้จับกุมคนสัญชาติจีน 3 ราย และคนสัญชาติคาซักสถาน 1 ราย ในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับ-อนุญาต นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแยง จ.พิษณุโลก ดำเนินการตามกฎหมาย
สืบสวนเบื้องต้นพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาคนไทยทั้ง 5 คน มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหาคนไทยทั้ง 3 คนที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ ส่วนบุคคลสัญชาติจีน 3 คนและคาซักสถาน 1 คน ได้ข้อมูลว่า จะถูกพาไปยังพื้นที่ทางภาคเหนือ แถวบริเวณ จ.ตาก เช่นเดียวกับกลุ่มบุคคลสัญชาติจีน 3 คนที่เคยจับกุมก่อนหน้านี้ และจะมีกลุ่มขบวนการนี้มารับต่อ เพื่อเดินทางข้ามชายแดนไทยไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน
จากข้อมูลทางการสืบสวนพบว่าบริเวณฝั่งชายแดนประเทศเพื่อนบ้านที่กลุ่มบุคคลสัญชาติจีนเดินทางไปนั้น เป็นแหล่งที่ทำการของกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมข้ามชาติที่กลุ่มคนจีนเกี่ยวข้อง ซึ่งชุดสืบสวนจะได้ประสานข้อมูลกับหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมกระทำความผิดในขบวนการนี้ มาดำเนินคดีทางกฎหมายเพิ่มเติมต่อไป