ทราย เจริญปุระ เมินดราม่าคนวิจารณ์คลั่งผอม แจงเหตุน้ำหนักลด 20 กว่าโล
หลังมีดราม่าโดนวิจารณ์หุ่นผอมเกินไปจนดูเหมือนคนป่วย นักแสดงสาว ทราย เจริญปุระ ที่พอใจในรูปร่างของตัวเองตอนนี้แล้ว ยอมรับว่าเหนื่อยที่จะอธิบาย จึงเลือกปล่อยผ่าน รับรู้เท่าที่ตนรับไหว
ล่าสุด ทราย ที่มาร่วมบวงสรวง ภาพยนตร์ “นะหน้าทอง” จากค่าย อาริยาฟิล์ม ณ ลานหินเมเจอร์รัชโยธิน ได้เปิดใจถึงสาเหตุน้ำหนักลดลงไป 20 กว่าโล จนมองดูผอมลงผิดหูผิดตา
หลายคนโฟกัสว่าผอมลง? “เข้าใจว่าคงแปลกตาไป เพราะน้ำหนักหายไป 22 โล จาก 72 ใช้เวลา 3 ปี คนเลยไม่ค่อยเห็นความต่าง มันค่อยๆ ลง แต่เหมือนมาอีกที ไปทำอะไรมา แต่จริงๆ 3 ปีค่ะ มันตั้ง 20 กว่าโลเนอะ มันไม่ใช่ 3 เดือน ทำได้อยู่แล้ว มันก็ค่อยๆ ลงค่ะ เราก็ใช้วิธีปกติ เหมือนคนอื่นๆ คุมอาหาร ออกกำลังทั่วๆ ไป”
ตอนนี้พอใจกับแค่นี้แล้วใช่ไหม? “ต้องพอใจแล้วค่ะ เพราะหมอสั่ง หมอขอว่าต้องเท่านี้แล้วนะ จริงๆ แล้วน้ำหนักมันกลับไปเท่าเดิมช่วงที่เล่นนเรศวรฯ เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่ทรายผ่าคอ แล้วพอใส่น็อตแล้วน้ำหนักเกินเยอะไม่ได้ มันอันตราย พอเริ่มแตะ 70 หมอก็บอกว่าไม่ได้แล้ว”
เกี่ยวกับที่เราป่วยด้วยไหม? “จริงๆ ตอนป่วยน้ำหนักขึ้นนะ ไอ้ที่ขึ้นมา 22 โลคือป่วย แต่เพื่อความสุขใจฉันก็ต้องกิน ไม่ได้คิดจะลดอะไรใดๆ แต่คราวนี้หมอเตือนแล้ว หมอทุกเจ้าเตือน มันไม่ได้แล้ว มันอันตราย มันต้องหยุดอยู่แค่นี้ มันควรจะลงด้วยเพราะว่าตอนแรกที่ผ่าน้ำหนักคุณเท่านั้น แล้วอยู่ๆ เหมือนคุณอุ้มกระสอบข้าวสารเพิ่มขึ้นมา มันไม่ได้”
มันเลยมีกระแสดราม่าว่าเราคลั่งผอม? “จริงๆ หลายคนอาจจะเพิ่งเห็นเราบ่อยๆ แต่ถ้าคนที่อยู่ด้วยกันมาจะรู้ ตอนนางนากก็ตัวเท่านี้ ไหปลาร้าสูงมาก ไปดูตอนฉันผูกผ้าแถบก็สูงเท่านี้แหละ ก็คือตัวเท่านี้แหละค่ะ เพียงแต่ว่าพออายุเยอะขึ้น พวกเบบี้แฟตมันก็ลงไป ก็เลยดูแปลกตา แต่ว่ากว่าจะขึ้นมา 20 โลมันก็ใช้เวลาเป็น 10 ปีเหมือนกันนะ เหมือนคนมันชินกับอันนั้นไปแล้ว พออยู่ๆ ผอมคนเลยรู้สึกว่าเกิดอะไรขึ้น ไปทำอะไรมา ทำไมอะไรอย่างนี้”
ปรับตัวได้บ้างหรือยัง? “ยังไม่ชินเลย (หัวเราะ) ยังใส่อะไรหลวมๆ อยู่ จริงๆ พยายามพูดอยู่เรื่อยๆ ว่าใช้วิธีปกติ แต่เหมือนเราไม่ค่อยได้อัพเดตตอนออกกำลัง เพราะว่าในช่วงที่ยังใหญ่อยู่แล้วออกกำลัง เราก็เคยลงรูปนะ แต่โดนคอมเมนต์ใหญ่มาก ก็เลยคิดว่าฉันอาจจะลงรูปแล้วไม่เจริญตาคนอื่น ก็เลยไม่ลงเลยอะไรประมาณอย่างนี้”
กับคอมเมนต์แซะต่างๆ มันมีผลต่อเราขนาดไหน? “ถ้ามันไม่โหด คือแค่ถ้าอัพเดตหรือแค่เป็นห่วง เรายินดีจะบอกนะ เราเข้าใจว่าหลายๆ คนก็อยากจะลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะด้วยสุขภาพ หรืออะไรก็ตามแต่ว่าทำไม่ได้ หรือบางคนที่ยังทานยาซึมเศร้าอยู่ เราก็ยินดีที่จะอธิบาย แต่ประเภทที่เข้ามาแล้วตัดสินเลย ว่าคลั่งผอมเหรอ ล้วงคอหรือเปล่า คือแกให้คุณค่ากับการวิ่ง การปั่นจักรยาน การคุมน้ำหนัก การอดกินไก่ทอดของฉันบ้าง (ยิ้ม)”
หลายคนพุ่งเป้าว่าเราทำวิธีลัดเยอะ เรามองตรงนี้ยังไง? “เหนื่อยจะบอก เพราะว่าเวลาเราป่วย เวลาเราร่างกายไม่แข็งแรง เวลาเราต้องไปหาหมอ เรารับมันคนเดียวเลยไง ไม่ได้มีใครมาช่วยพาเราไปหาหมอ แต่กลายเป็นว่าทุกคนมาเพ่งประเด็นตอนมันปลายทางแล้ว เขาไม่ได้เห็นว่าทำไมเราต้องทำ เราลดเพราะอะไร คุณไม่ได้มาเป็นลำไส้อักเสบแบบเรา ไม่ได้กรดไหลย้อนแบบเรา ไม่ได้ต้องหาหมอเจาะน้ำเกลือทุกอาทิตย์แบบเรา”
เราจัดการกับความรู้สึกเหล่านี้ยังไง? “ก็ไม่ได้อ่านตลอด แค่อัพเดตบ้าง เอาเท่าที่ไหว ไม่ไหวก็ไม่ไหว เพราะเรารู้สึกว่าเราไม่ได้ปิดบังอะไร เราก็พยายามสื่อสารตลอดอยู่แล้ว”
มีโอกาสสวนก็สวนบ้าง? “ก็บ้าง เช่นอันนี้อัพเดตข่าวหรือยังคะ (ยิ้ม) แล้วก็แปะลิงก์ข่าวอะไรอย่างนี้ค่ะ แต่ก่อนใช้แปะเอ็กซ์เรย์เอาเลย ให้เห็นว่ามีน็อตค่ะ ผ่าตัดมาค่ะ แผลยังคาอยู่เลยค่ะ”
มีความคิดจะจัดการกับคอมเมนต์แย่ๆ พวกนี้ไหม? “คงไม่ค่ะ ในมุมของรูปร่างหรือความงาม คิดว่าหลายคนเอามาตรฐานของตัวเองวัดไง คือเขาไม่มีวันเข้าใจหรอก เพราะเขาก็จะมี อะไรที่แย่มากๆ เช่นไม่มีนมผู้ชายไม่ชอบนะ ซึ่งฉันก็ไม่ได้ชอบแก ไม่เป็นไร (หัวเราะ) เราไม่มีวันตอบอะไรแบบนี้ได้หมด เรารู้แค่ว่าค่าเลือดเราดีมาก เราแข็งแรง โควิดฉันยังไม่เคยเป็นเลย 2-3 ปีเราไม่ต้องแอดมิตอีกต่อไปแล้ว อะไรอย่างนี้มันดีกว่ามาก สะดวกแบบนี้ มวลร่างกายโอเค ลดภาระเรื่องค่าใช้จ่ายเรื่องหาหมอไปเยอะมาก ดราม่าทุกอย่างก็เลยตุ๊บ เพราะคนที่มาจี้ๆ ก็ไม่ได้ซื้อข้าวให้กิน ไม่ได้พาไปหาหมอ ก็เลยรับเท่าที่รับได้ค่ะ (ยิ้ม)”