ทรานส์ฟอร์เมชั่น จับมือ FWD ส่งเสริมเด็กรุ่นใหม่ ผลิตหนังสั้น เผย ทิศทางอุตสาหกรรมสื่อ ร่วมงานแพลตฟอร์มระดับโลก
เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่ ศูนย์การค้าสยามพารากอน นายสง่า ฉัตรชัยรุ่งเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม จำกัด เดินทางมาร่วมงานประกาศผลรางวัลโครงการ University Viral VDO IDEA Competition 2022 ซึ่งภายหลังจบงานได้ให้สัมภาษณ์ถึงโครงการส่งเสริมศักยภาพเด็กนุ่นใหม่ พร้อมเผยทิศทางการผลิตคอนเทนต์ในยุคอุตสาหกรรมฟิล์ม
ที่มาโครงการ university viral vdo idea competition 2022? “เป็นโครงการที่ทางบริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่นและทาง บริษัทเอฟดับบลิวดี ประกันภัยชีวิต จำกัด(มหาชน) อยากจะส่งเสริมวัยรุ่นยุคใหม่ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในรูปแบบที่ตัวเองชอบ ที่เป็นประโยชน์ ไม่ทำร้ายใคร และมีความสุข เลยคิดเป็นโครงการที่จะมาตอบโจทย์ เพราะทางทรานส์ฟอร์เมชั่นก็ต้องการเด็กรุ่นใหม่ๆ มาทำคอนเทนต์
ซึ่งมันก็ต้องเริ่มต้นมาจากหน้าจอเล็กๆ จากหนังสั้น ก่อนที่จะเป็นหนังใหญ่ เพราะมันต้องมีวิธีคิด กระบวนการ และประสบการณ์ เด็กก็จะได้มาเรียนรู้งานจากโค้ช แล้วโตมามีแบบแผน วันข้างหน้าในสายอาชีพเขาก็มีโอกาสทำงานให้ได้รับความสนใจมากขึ้น ก็คิดว่าวันข้างหน้าเราก็จะมีบุคลากรเป็นเด็กรุ่นใหม่”
ได้เห็นศักยภาพเด็กรุ่นใหม่ภายใต้แนวคิด celebrate living : ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ในแบบที่เป็นตัวเอง? “เด็กสมัยนี้เขามีความคิดของเขา รู้สึกว่ามีความคิดที่เป็นพลังบวก ไม่ได้ฝืนตัวเอง เราก็อยากจะส่งเสริมทางด้านนี้ ก็ดีใจที่มีเด็กสนใจ มีทั้งคนแฮปปี้และผิดหวัง แต่น้อยๆ ก็พยายามบอกน้องๆ ว่ามันไม่มีอะไรเสีย เพราะสิ่งที่คุณจะเรียนรู้คือประสบการณ์ และการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น เขาก็จะมีมุมมองที่กว้างมากขึ้น”
เป็นการต่อยอดสายงานทางด้านภาพยนตร์ หนังสั้นให้กับเด็กๆ? “ทางเราก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งก็ต้องอยู่ที่นักศึกษาด้วย เพราะเราก็สอนพื้นฐานให้เขาในการทำคอนเทนต์ว่าทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ รวมถึงเด็กที่ไม่มีประสบการณ์ แล้วท้อ เสียกำลังใจ แต่ถ้ามีโครงการแบบนี้ก็จะช่วยน้องๆ ได้เยอะในการทำงาน ไม่ว่าจะ สารคดี ละคร ซีรีส์ เดี๋ยวนี้คอนเทนต์ในแพลตฟอร์มต่างๆ เยอะมาก ทั้ง Amazon, Netflix, Apple TV, Disney Hotstar ทุกคนต้องการคอนเทนต์หมด
ยิ่งความต้องการเยอะ ยิ่งอันตราย ถ้ามันถูกผลิตโดยคนที่ไม่มีความรู้ มันก็จะกลายเป็นไอเทมต่างๆ เป็นสิ่งที่ไม่มีคุณภาพ เราเลยต้องรีบพัฒนาคนของเราให้เร็ว ให้มีความรู้ที่จะผลิตคอนเทนต์ดีๆ ป้อนตลาด เพราะตอนนี้คนดูมีทางเลือกเยอะ แต่โอกาสที่เราจะให้งานเราไปสู่ต่างประเทศก็เยอะเช่นกัน เราก็ต้องพร้อมสำหรับตรงนี้”
โครงการดีๆ แบบนี้จะมีต่อไปไหม เห็นรางวัลเป็นจำนวนเงิน 3 แสน? “ผมคิดว่าเป็นโครงการที่ดี แล้วทาง FWD คงอยากสนับสนุนต่อๆ ไป เพราะกลุ่มเป้าหมายก็ตรงกัน”
ในฐานะเป็นบริหารทรานส์ฟอเมชั่น มองทิศทาง ภาพยนตร์ อุตสาหกรรมคนทำหนังอย่างไร? “ผมว่าตลาดคอนเทนต์เริ่มเห็นชัดขึ้น อย่างในโรงภาพยนตร์อะไรที่เป็นคอนเทนต์เล็กๆ มันก็จะอยู่ยากแล้ว เพราะถ้าไม่ดีจริงๆ โอกาสความประสบความสำเร็จก็จะลำบาก
ต้องสู้กับหนังในสตรีมมิ่งต่างๆ เลยทำให้คนทำหนังคิดเยอะขึ้น มันต้องว้าวจริงๆ มันต้องมีไอเดีย โปรดักชั่น ความเป็นซูเปอร์สตาร์ ทุกอย่างที่จะทำให้คุ้มค่ากับการใช้เวลา ตอนนี้มันเปิดกว้างมาก ทำให้เรื่องที่จะหยิบมาเล่ามันหลากหลาย คนดูก็เอ็นจอย”
ช่วงโควิด-19 มีผลกระทบหนังแค่ไหน? “มีผลกระทบโดยตรงเลย โรงหนังหยุด ช่วงนั้นปีกว่ามันเป็นจุดที่ทำให้เราเริ่มปรับตัว มาผลิตคอนเทนต์ให้กับแพลตฟอร์มต่างๆ ก็ทำหนังให้กับ Netflix มันก็จะเป็นโปรดักชั่นอีกแบบหนึ่ง แต่สิ่งที่ดีคือเราได้เรียนรู้ระบบของบริษัทระดับโกลบอลว่าเขามีวิธีคิด วิธีการตรวจงานอย่างไร คอมเมนต์เจาก็มาช่วยในการพัฒนาโปรเจ็กต์ ให้ตัวบทแข็งแรง เราก็ต้องเล่าให้มันซิมเปิ้ล เราก็ทำงานได้กว้างขึ้น แต่ตอนนี้โรงหนังกลับมาดี เราก็ทำควบคู่”
เล็งเห็นข้อดีในข้อเสียของปัญหา? “เราก็เลือกได้มากขึ้น เพราะเมื่อก่อนเราทำแต่หนังในโรงภาพยนตร์ อย่างหนังพวกหนักๆ มันก็น่าสนใจในระดับโลก แล้วเราก็มีผู้กำกับเก่งๆ ที่เขาสามารถปล่อยของได้ พอเราทำมันก็ขึ้นอันดับหนึ่งใน Netflix ซึ่งถ้าเกิดเราฉายในโรง คนอาจจะไม่ดู แต่พอฉายใน Netflix คนดูเขาก็โอเค คนก็กำลังคุ้นชิน”
โปรเจ็กต์ทรานส์ฟอร์เมชั่นในปีนี้จะมีอะไรบ้าง? “ตอนนี้เรามีหนังที่ทำให้กับทาง Netflix อยู่ คิดว่าน่าจะฉายกลางปีนี้ ได้ผู้กำกับ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ผลงานล่าสุดเขาเพิ่งกำกับเรื่อง The Whole Truth ไปก็จะเป็นแบล็คคอมเมดี้ น่าสนใจ เป็นอีกรสชาติหนึ่งที่ไม่ค่อยได้ดูกันในโรงภาพยนตร์ และก็มีอีก 2 โครงการใหญ่ที่กำลังพัฒนากับทาง Amazon
แล้วช่วงมีนาคมนี้ก็จะมีหนังฉายในโรง เรื่องแสงกระสือ 2 และมีหนังที่จะไปถ่ายที่จีน นำแสดงโดยซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ แล้วก็มีงานซีรีส์ให้กับ True CJ เรื่อง Good Doctor เป็นรีเมกเวอร์ชั่นไทย 20 ตอน การทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็เร็วๆ นี้ มันเป็นตลาดที่ต้องการคนเยอะ”
คาดหวังมากน้อยแค่ไหน กับผลงานที่ออกสู่ตลาด? “การตลาดในแพลตฟอร์มมันมีคนดูของเขาอยู่แล้ว เนื่องจากมีคนติดตามจากการเป็นสมาชิก แต่สิ่งที่เราจะได้กลับมาคือฟีดแบ็ก คนชอบ ไม่ชอบแบบไหน เราก็เริ่มเรียนรู้ไปเรื่อยๆ มันก็เป็นประสบการณ์อีกแบบหนึ่ง ที่คนดูไม่ต้องดูในโรงหนัง เราก็ต้องคิดว่าคอนเทนต์มันเหมาะกับการชมในแบบไหน เพราะเราก็อยากสร้างความหลากหลาย”
การลงทุนในยุคนี้มีความเสี่ยง? “ความเสี่ยงมันเหมือนเดิม ถ้าเราจะลดความเสี่ยงต้องกลับมาที่เราที่จะต้องคิดเยอะขึ้น ทำหนังให้มันตอบโจทย์ ให้เรามั่นใจว่ามันต้องว้าว เพราะคนดูเขาต้องการอะไรมากกว่านั้น”