เดลีเมล รายงานวันที่ 6 มี.ค. ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แนะนำให้กองทัพสหรัฐปลอมเครื่องบินรบของสหรัฐเป็นเครื่องบินรบของจีน จากนั้น ใช้เครื่องบินเหล่านั้น ไปทิ้งระเบิดรัสเซียเพื่อก่อสงคราม

ระหว่างปราศรัยต่อบรรดาผู้บริจาคเงินเพื่อระดมทุนที่คณะกรรมการริพับลิกัน นครนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา เมื่อค่ำคืนวันเสาร์ที่ 5 มี.ค. ตามเวลาท้องถิ่น อดีตประธานาธิบดีพูดตลกว่า ทางเดียวที่จะยุติการรุกรานยูเครนของรัสเซียคือหันเหความสนใจไปที่ความขัดแย้งกับจีน

นาย ทรัมป์ แนะนำเอาเครื่องบินไอพ่น เอฟ-22 ของอเมริกา ติดธงชาติจีน และทิ้งระเบิดรัสเซีย “จากนั้น เราบอกว่าจีนทำ และเรานั่งดูจีนและรัสเซียเริ่มต่อสู้กันเอง” จนผู้เข้าร่วมงานหัวเราะไปตามๆ กัน ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์ ซีบีเอส

อดีตประธานาธิบดีสหรัฐยังเรียกการโจมตียูเครนที่ไม่มีเหตุผลและไม่ยุติธรรมของนายวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียว่า “อาชญากรรมร้ายแรงต่อมนุษยชาติ” และวิจารณ์พันธมิตรองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ของตะวันตกว่า “เสือกระดาษ”

ทั้งนี้ ตอนเป็นประธานาธิบดี นายทรัมป์ปรามาสองค์การนาโตมาตลอด จนบรรดาที่ปรึกษาต้องช่วยกันไม่ให้นายทรัมป์ถอนสหรัฐออกจากองค์การนาโต

นายทรัมป์กล่าวที่งานระดมทุนว่า “ณ จุดใด เราไม่สามารถก่ออาชญากรรมร้ายแรงต่อมนุษยชาตินี้ได้ เราไม่สามารถปล่อยให้มันเกิดขึ้น เราไม่สามารถปล่อยให้มันเกิดขึ้นต่อไปได้”

อดีตประธานาธิบดีสหรัฐล้อเลียนวาทศิลป์ของตัวเองเกี่ยวกับผู้ปกครองที่แข็งแกร่งของรัสเซีย หลังนายทรัมป์ถูกวิจารณ์ที่เรียกแผนการของนักเผด็จการเพื่อรุกรานชาติอธิปไตยว่า “อัจฉริยะ” และ “ฉลาด”

จากนั้น นายทรัมป์แสดงการสนับสนุนยูเครนที่การประชุมปฏิบัติการทางการเมืองฝ่ายอนุรักษนิยม (Conservative Political Action Conference – CPAC) ของสัปดาห์ที่แล้วว่า ตนภาวนาเพื่อประชาชนผู้ภาคภูมิใจในยูเครน และแสดงความชื่นชมต่อนายโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน โดยเรียกเขาว่า “ชายผู้กล้าหาญ”

“ขอพระเจ้าอวยพรพวกเขา พวกเขากล้าหาญจริงๆ อย่างที่ทุกคนเข้าใจดีว่า หายะน่าสยดสยองนี้จะไม่เกิดขึ้น หากการเลือกตั้งของเราไม่ถูกโกง และหากผมเป็นประธานาธิบดี” นายทรัมป์กล่าว

อดีตประธานาธิบดียังโจมตีนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบันว่า “ไร้ความสามารถอย่างยิ่ง” และเยาะเย้ยต่อภัยคุกคามจากมาตรการคว่ำบาตรของนายไบเดน โดยกล่าวว่านายปูตินถูกคว่ำบาตรมาตลอด 25 ปีที่ผ่านมา

“โลกไม่ได้วุ่นวายขนาดนี้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง” นายทรัมป์กล่าว